Friday, May 16, 2014

Day 08 : ป่ะ ไป ... Tokyo | ลาก่อน Hakodate ตะลุย Tokyo รักคนญี่ปุ่น เอโดะออนเซ็น ขอซ้ำนะครัซ

DAY 8 : ลาก่อน Hakodate ตะลุย Tokyo รักคนญี่ปุ่น เอโดะออนเซ็น ขอซ้ำนะครัซ

อึ และ Check Out เตรียมตัวให้พร้อมกับ รถไฟชินคันเชน

(ทริปนี้ผม เต้ย ขอปิติอยากนังรถไฟชินคังเชน) เราลากกระเป๋าออกจากโรงแรมสายๆ (บอกตรงๆ เมื่อคืนหลับไปตอนไหนก้ไม่รู้อ่ะครับ) เพื่อไปขึ้นรถไฟมุ่งหน้าลงใต้ไป โตเกียว ข้าวเช้าของพวกเราเป็น อาหารกล่องของสถานีรถไฟราคา 500-800¥  มาถึงสถานี ผมซื้อข้าวกล่องมาหม่ำก่อน เพราะวันนี้ทั้งวันเราต้องอยู่บนรถไฟ


ชอบรถไฟขบวนนี้จังเลย แบบว่า สีเขียวแถมเท่ห์มากๆ ... ดูหุ่นยนต์ดี


มีคนแอบถ่ายเราเล่นหมี ....


น่ากินป่ะหล่ะ ? ... อร่อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อีกแล้ว


บนรถไฟจริงๆผมก็ไม่ได้ทำอะไรมานอกจากกินแล้วก็นอน แล้วก็เล่นเกมส์ อ่านการตูน ดูปิติเล่นเกมส์ ... นั่งรอเมื่อไหร่ รถไฟแม่งจะรอดทะเล (สุดท้ายเห็นอะไรดำๆ ผ่านหน้าต่าง อารมณ์รถไฟใต้ดิน ก็ ... นอนต่อดีกว่า) จาก Hakodate มาถึง Aomori ระหว่างนั่งรถไฟ ปิติก็ต้องเตรียมตัวเผชิญเรื่องตื่นเต้น เพราะระหว่างที่เราต้องต่อสถานี Aomori เพื่อไป Tokyo ปิตาซังมีเวลาเพียง 10 นาที เพื่อจะซื้อ ข้าวกล่องให้พวกผม ปิติบอกโรงแรมให้ผม และพูดว่า "ถ้ากูตกรถ ไปเจอกันที่โตเกียวเลยไปนะ"

ก่อนถึง Aomori ปิติเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมออก Start ทั้งเงินที่เตรียมไปซื้อข้าวกล่อง ... ฝากเต้ย ตั้มลากกระเป๋าทำน้ำหนักตัวให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมาแล้ว 12 บท (ใช่ไหมว่ะ) บอกจุด Lat Long โรงแรมที่โตเกียวให้ผมเอาไว้ (เผื่อว่าตกรถจะได้ไปเจอที่โรงแรมเลย) ... บอกชานชลารถไฟที่พวกเราต้องขึ้น ... ตั๋ว ... ทุกอย่างพร้อม

เอาล่ะ 10 ... 9 ... 8 ... GO
ปิติวิ่งออกตัวล้อฟรี ผมเต้ย ตั้มออกตัวตาม พวกผมใช้เวลาไม่นานก็ถึงรถไฟ (แต่สถานีที่ปิติบอกมา มันไม่ถูก เอาน่าผมเชื่อว่าผมมาถูก และปิติก็จะตามมาถูก) พอมาถึงรถไฟ ผมก็ออกไปกดน้ำก่อน แล้วก็กลับขึ้นมาใหม่ พบว่า ที่นั่งของพวกเรามีคนญี่ปุ่นมานั่ง แต่ผมจึงเข้าไปถามว่า "คุณนั่งตรงนี้หรือป่าวครับ" คุยไปคุยมาพบว่า คนญี่ปุ่นคนนั้น นั่งถูกทีนะ แต่ผิดตู้ เค้าก็ขอโทษแล้วก็เดินไปนั่งตู้ที่ถูก
ระหว่างคุยกับเต้ย ตั้ม ... วิวที่หน้าต่างก็ขยับ ผมพูดกับเต้ยว่า

"เต้ย รถเราขยับ หรือว่ารถข้างนอกขยับว่ะ"
เต้ยตอบ "รถเราขยับว่ะ"

ความคิดแรก ว้าปเข้าหัว ... ชิปหาย ปิติยังไม่มา แม่งตกรถ ... 
จังหวะนั้น ผมบอกตอบเต้ยออกไปสั่นๆ ด้วยนำเสียงนิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ เพื่อซ่อนความกังวล "เห้ย ไม่ต้องห่วง กูนัดจุดนัดพบแล้ว อีกอย่างแม่งมีข้าวกินตั้ง 4 กล่อง ไม่อดตายชัวร์
... สักพักมีมือมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ ... ผมหันคอไปช้าๆ ภาพที่เห็นคือ ปิตาซังที่ ดูหมดแรง หอบแฮก อ้าวเหัยปิติ "ห่า มึงไปซ่อนตัวมาใช่ไหม? พอรถไฟออก มึงก็เดินออกมาให้พวกกูตกใจใช่ไหม?"







ปิติยกมือขึ้น ช้าๆ ... "เดี๋ยวคุยกัน"
คุยกับปิติ ถึงรู้ว่า หลังจาก Start ไอ้เอ๊กซ์วิ่งไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วก็แวะซื้อข้าวกล่อง 2 ร้านเพราะกลัวซ้ำกัน ป้าคนขายก็ นับเหรียญเงินทอนให้ช้า เอาให้ละเอียดทุกเยน สุดท้ายก็วิ่งๆ ๆ ๆ มาถึงชานชาลา 11-12 ปิติจำได้ว่าชานชาลา 12 แต่รถไฟไม่อยู่แล้ว ชานชาลา 11 ก็ไปโตเกียว และกำลังจะออก (พนักงาน โบกธงแดง จังหวะสุดท้ายก่อนประตูรถไฟจะปิด)

จังหวะนั้นปิติคิดแค่ว่า ไปเว้ย อย่างน้อยคนละขบวนแต่ไปโตเกียวเหมือนกัน ไปเจอที่นั้นเลย ซึ่งวินาทีนั้น ปิติตัดสินใจดีมาก หลังจากก้าวข้าวประตูมา รถก็ออกตัวพอดี ปิติก็ค่อยๆเดินจากตู้ 10 กว่าๆมาตู้4 ตื่นเต้นชะมัด


ในที่สุด อีก 6 ชม.ได้มั๊งเราก็มาถึง โตเกียว 
เย้!!!
พอมาถึง พวกเราก็พบความวุ่นวายทันที่ พวกเรารีบย้ายตัวเองไปที่ โรงแรม NUI hostel ทันทีเลย ไปถึงโรงแรม โรงแรมดูดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก (สำหรับผม)  พอเก็บของเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่สถานี Ueno เพื่อไปเปลี่ยนแว่นให้ Piti ก่อน ไปถึงเดินหาร้าน GINs พอเจอก็ขอเปลี่ยนเลนส์ แต่พบว่า ที่นี่ไม่มีเลนส์ PC แบบที่ปิติทำไป ทาง GINs เลยลดราคาให้ (เมืองไทยคงไม่มีอะไรแบบนี้ ชัวร์)  




เปลี่ยนเลนส์ แล้ว ปิติ ก็นำพวกเราไปกินราเมงข้อสอบ ราเมงข้อสอบเป็นราเมงที่ให้เราเลือกเส้น ความเหนี่ยว นำซุป ชาชู เลือกไปหมดเลย แล้วก็เข้าไปนั่งในคอกเหมือนทำข้อสอบเลย รสชาติราเมงโอเคเลยอ่ะ เร็วดัวย อร่อยอีก (พวกเต้ย ปิต มีขอเพิ่มเส้นด้วย โหดสัส) อิ่มแล้ว อร่อยแล้ว เรื่องเด็ดวันนี้คือ เราจะไปที่ เอโดะออนเซ็นที่เกาะ โอไดบะกัน





หน้าตาดี อร่อยดีใช่ได้เลย ...
เอโด๊ะออนเซ็น ปิติเล่าว่าสถานที่นี้เป็นที่เด็ดมากในการมา ชมหญิงและพักผ่อนดื่มเบียร์ ชิวล์ไปตามกลิ่นของน้ำหอม สบู่อ่อนๆ ข้างในก็สวยงาม อาบน้ำไม่ได้จำกัดจำนวนครั้งด้วย ... สุดแสนจะสบายเลยอ่ะ ...

พวกเราเลยรีบ MOVE จากในเมือง Tokyo รีบไปที่ Edo Onsen ทันทีเลย เอโดะออนเซ็นอยู่แถวๆ เกาะโอไดบะครับ พวกเรานั่งรถไฟไปกัน พอถึงสถานีที่เงียบมาก ((ด้านหน้า)) ปิติถึงกับแปลกใจเลยทีเดียวว่า ทำไมวันนี้เงียบจัง เข้ามาถึงข้างในจริงๆ พวกเราต้องทำอย่างแรกเลยคือถอดรองเท้าก่อน ...แล้วก็เดินไปที่ Counter เพื่อรับ Tag Bar-code มาใส่ข้อมือ Bar-code อันนี้ จะใช้สำหรับจ่ายเงินทุกสิ่งอย่างภายใน เอโดะ ออนเซ็นเลย ... ((คือเวลาต้องการซื้ออะไรก็ยื่น Bar-code ไปเค้าก็จะปี๊บ แล้วขาออกกลับบ้าน ค่อยมาจ่ายเงินทีเดียว)) ~ สะดวกดีนะ

วันนี้ทาง เอโดะแจ้งว่าเค้าจะให้บริการ ไม่ดึกจะมีการปิดก่อนคือปิดประมาณ 5ทุ่ม เราจะใช้บริการไหม???? ... ซึ่งเราก็ตอบว่าโอเคแหละมั๊ง (หารู้ไม่ว่า ....)





พอเราได้ Bar-code แล้ว สิ่งต่อไปก็คือเดินไปเลือก ยูกาตะครับ มีให้เลือกเยอะเลย มีขนาดด้วย ... ชอบ ชอบ หลังจากได้ยูกาตะแล้วพวกเราก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเปลี่ยนเป็น ยูกาตะครับ โดนมี ล๊อกเกอร์ให้เก็บเสื้อผ้าแล้วอุปกรณ์ต่างๆ ใน Zone นี้ ปิติแนะนำว่า ให้เอามือถือเข้าไปด้วยจะดี เพราะก่อนอาบน้ำจะมี ล๊อกเกอร์อีกชั้นนึง ((ตอนนั้นไม่รู้))




หลังจากเปลี่ยนเสื้อเป็น ยูกาตะแล้ว ...
Welcome สู่ โลกโบราณของ ญี่ปุ่น ... ไม่น่าเชื่อครับว่า ภายใน เอโดะออนเซ็นเค้าจะเนรมิต ร้านค้า บรรยากาศให้เป็น ยุคสมัยเอโดะที่มี งานวัดญี่ปุ่นเป็น Theme หลัก ทุกคนใส่ ยูกาตะสวยๆ หล่อๆ เท่ห์ๆ มี เกมส์ที่เหมือนอ่านในหนังสือ Manga เลย มีที่ช้อนลูกโป่ง ตกปลา มีเกมส์ มีอาหาร มีเบียร์ ... ว้าว ว ว ว ว มากๆ หลังจากเพลินตา เพลินใจแล้ว สายตาก็เหลือบมองไหนว่ะ สาวๆ ...

พบแล้วว่า วันนี้เนื่องจาก เอโดะปิดเร็วทำให้คนไม่เยอะ ... งานเข้า เศร้าเลย



ที่เอโดะนั้นมี หลายส่วนให้เพลิดเพลินด้วยนะครับ มีทั้งสวนหินให้เดินนวดเท้า มี สปา มีออนเซ็นให้อาบหลายความร้อน หลากบ่อ หลายแบบ ...
พวกเราได้แต่เดินๆ ชิวๆ แบบเหงาๆ ไม่มีสาวๆ ไม่มีหนุ่มๆพาแฟนมา ไม่มีอะไรเลย มีแต่ เด็ก พ่อแม่ วิ่ง ดุ๊กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ... สิ่งที่ผมทำกันได้คือ ไปที่สวนบ้าง เข้าไปแก้ผ้า อาบน้ำ กินเบียร์ รอ เอโดะปิด ... แบบเหงาๆ เศร้าๆ น้ำตาคลอๆ ((ฮ่าๆ)) คราวหน้าๆ จะมาใหม่นะ เอโดะ

ได้เวลากลับแล้ว วันนี้เหนื่อยจะเดินทางพอควร พวกเรากลับ NUI Hostel แล้วก็หลับพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ ลุย Tokyo แบบเต็มที่แล้ว ((ซึ่งก็เคยมาลุยแล้วจึ๊กนึง))



No comments:

Post a Comment