DAY 7 : บะบาย Sapporo, Hakodate ฉันมาแล้ว Millionaire Night View และการเปิดซิงออนเซ็น
ตี 5 กว่าๆ ผมต้องตื่น จัดการอาบน้ำแต่งตัว เก็บห้อง รื้อผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม เอาไปใส่ที่ตะกร้าผ้า (ตามระเบียบของทาง Hostel อ่ะครับ) และก่อนออก (check-out) พวกเราก็เอากุญแจที่พักมาหยอดคืนห้อง Lobby
พวกเราจำเป็นต้องทิ้งห้อง 1 คืนเพื่อเดินทางไป Hakodate ตามที่พวกเราวางแผนกันไว้เมื่อคืนก่อน ผมลากกระเป๋าดุ๊กๆฝ่าหิมะบนทางเท้า เดินไปที่ JR station เพื่อขึ้นรถไฟ เช้าวันนี้ที่ JR Station ก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม คนเยอะแยะมากมาย ออกเดินทาง ตามแนวของชาวญี่ปุ่น
หลังจากที่ขึ้น รถไฟแล้ว ... พวกเราใช้เวลาไม่นานนักบนรถไฟ ก็ถึง Hakodate
JR Station ที่ Hakodate ปิติต้องทำการจอง ชินคันเชนจาก Hakodate ไป Tokyo สำหรับพรุ่งนี้เช้า เพราะพวกเราจะอยู่ที่ Hakodate เพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น หลังจากตั๋วและทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราก็มุ่งหน้าไปเก็บของที่โรงแรมกัน
พวกเราจำเป็นต้องทิ้งห้อง 1 คืนเพื่อเดินทางไป Hakodate ตามที่พวกเราวางแผนกันไว้เมื่อคืนก่อน ผมลากกระเป๋าดุ๊กๆฝ่าหิมะบนทางเท้า เดินไปที่ JR station เพื่อขึ้นรถไฟ เช้าวันนี้ที่ JR Station ก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิม คนเยอะแยะมากมาย ออกเดินทาง ตามแนวของชาวญี่ปุ่น
หลังจากที่ขึ้น รถไฟแล้ว ... พวกเราใช้เวลาไม่นานนักบนรถไฟ ก็ถึง Hakodate
JR Station ที่ Hakodate ปิติต้องทำการจอง ชินคันเชนจาก Hakodate ไป Tokyo สำหรับพรุ่งนี้เช้า เพราะพวกเราจะอยู่ที่ Hakodate เพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น หลังจากตั๋วและทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราก็มุ่งหน้าไปเก็บของที่โรงแรมกัน
รถไฟที่เราจะนั่งไป Hakodate กัน ... ดูเหมือนหุ่นยนต์ดีเหมือนกันนะครับ |
ออกเดินทางกันได้แล้ว เจ้าหมี ริลัคคุมะ |
โรงแรมที่เราจอง คือ Sun City โรงแรมนี้จากที่ ปิติอ่าน Review พบว่าไม่ดีมากนัก Rating ก็ไม่ได้สูงมาก พวกเราก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก หลังจากที่มาถึงพวกเรารีบวาง/กระเป๋าไว้ที่ Lobby Check-in แล้วก็รีบออกมา เพื่อไปหาอะไรกินกัน
เราตัดสินใจไปที่ตลาดปลาของ Hakodate กันเพื่อหาอะไรกิน เราเจอร้านหารชื่อดังที่มีการเอาปลาหมึกเป็นๆมา ฉับๆฉับๆ สยองดี ใจจริงผมอยากลองนะ แต่ราคาแพงเอาเรื่องซึ่งผมคิดว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ อยากเก็บเงินไป Shopping ที่โตเกียวมากกว่า ก็เลยเลือกร้านที่พวกกินได้
ของกินที่นี่สดดี แต่รสชาติไม่โดนใจเท่าที่ตลาดปลาของ Sapporo เลย (แอบผิดหวังนิดๆ)
หลังจากอิ่มแล้ว สถานีที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ ตึกอิฐสีแดง เป็นแหล่ง Shopping ของที่นี่มีของที่ระลึก ขนมขายเยอะแยะ เต้ย ตั้มก็ได้ขนมมาฝากหลายอย่าง ส่วนผมยังไม่ได้ เดินเล่นเพลินๆ มาเจอ Starbucks สาขาใหญ่ ก็เดินไปดูหาแก้ว ซากุระ แต่ก็ผิดหวังเพราะไม่มี เรายังมีโอกาสแวะทางขนม คัสตาร์สด้วย ผมว่ามันขมคาราเมลมากไปหน่อย ปิติบอกว่าถ้าชอบ ซื้อที่ 7-11 ของ เมจิ อร่อยเทพกว่าเยอะ
ตุ๊กตาหิมะ อะไรน่ารัก และตัวโตมากมาย ... |
จากตลาดพวกเราตัดสินใจเดินกันไปเรื่ิอยๆ เพื่อไปที่ ตึกอิฐสีแดง ...
4 หนุ่มหล่อ ... ((ผมกูเรียบอีกแล้ว)) |
หลังจากเดินเล่น ตึกอิฐแดงแล้ว ได้เวลาที่จะเอาของจาก Lobby เข้าห้อง พวกเราจึงกลับมาโรงแรมอีกครั้งก่อนจะไปที่อื่นต่อ พักเอาแรง
และเอากระเป่าที่ฝากไว้ที่ Lobby เข้าห้อง พอมาถึงห้อง ต้องขอบอกว่าห้องน่าทึ่งมาก มากกว่าที่อ่านจาก Review เยอะเลย ห้องกว้าง ห้องน้ำดีมาก มีห้องส่วนกลางมีทีวี ข้อเสียอย่างเดียวคือมีกลิ่นบุหรี่เบาๆ (เห้ย ห้องแม่งโอเคมากๆ)
และเอากระเป่าที่ฝากไว้ที่ Lobby เข้าห้อง พอมาถึงห้อง ต้องขอบอกว่าห้องน่าทึ่งมาก มากกว่าที่อ่านจาก Review เยอะเลย ห้องกว้าง ห้องน้ำดีมาก มีห้องส่วนกลางมีทีวี ข้อเสียอย่างเดียวคือมีกลิ่นบุหรี่เบาๆ (เห้ย ห้องแม่งโอเคมากๆ)
ที่นอนที่เราจะได้เสียเป็นผัวเมียกัน ฮ่า ๆๆๆ |
ได้เสียเป็นผัวเมียกัน
ได้ช่วงเวลาแดดร่ม หิวข้าว ... โปรแกรมข้าวเย็นวันนี้ของเราคือ ร้านข้าวแกงกระหรี่โบราณ(เจ้าแรกของญี่ปุ่น) ชื่อว่าร้าน มาถึงร้าน Gotoken Restaurant Yukikawatei ร้านไฮโชมาก ๆ... บริกรแต่งตัวดีจนผมอาย
ผมสั่งชุดข้าวแกงกระหรี่ธรรมดาๆมา ส่วนพวกปิติ จัดเต็ม!!! สิ่งที่ประทับใจของข้าวแกงกระหรี่ที่นี่คือ เครื่องเคียง ผมพบอะไรๆที่อร่อยหลายอย่าง ต้นหอมดองเป็นอะไรที่อร่อยมาก ก ก ก ก ก กจัดไปหลายต้นเลย (ปกติไม่กินต้นหอมนะเนี๊ยะ ~ บอกตามตรงเลย ไอ้ส่วนขาวๆตรงติดๆกับรากอ่ะ สุดยอดจะยี๋เลย แต่พอเอามาดองเท่านั้นแหละ แม่ง ... อร่อยสุดๆ)
หลังจากอิ่ม ผมถอยของฝากที่เป็น ซุปสำหรับรูปมาฝากเพื่อนๆที่ออฟฟิศด้วย
Gotoken Restaurant Yukikawatei ร้านอะไรไม่รู้ อร่อยๆสาด ด ด ด ด
ผมสั่งชุดข้าวแกงกระหรี่ธรรมดาๆมา ส่วนพวกปิติ จัดเต็ม!!! สิ่งที่ประทับใจของข้าวแกงกระหรี่ที่นี่คือ เครื่องเคียง ผมพบอะไรๆที่อร่อยหลายอย่าง ต้นหอมดองเป็นอะไรที่อร่อยมาก ก ก ก ก ก กจัดไปหลายต้นเลย (ปกติไม่กินต้นหอมนะเนี๊ยะ ~ บอกตามตรงเลย ไอ้ส่วนขาวๆตรงติดๆกับรากอ่ะ สุดยอดจะยี๋เลย แต่พอเอามาดองเท่านั้นแหละ แม่ง ... อร่อยสุดๆ)
หลังจากอิ่ม ผมถอยของฝากที่เป็น ซุปสำหรับรูปมาฝากเพื่อนๆที่ออฟฟิศด้วย
Gotoken Restaurant Yukikawatei ร้านอะไรไม่รู้ อร่อยๆสาด ด ด ด ด
ชอบทุกอันเลย อยากกลับไปกินอีกอ่ะ อร่อย ย ย ย ย ย ย ย ย ... |
ออกจากร้านไฮโซ Gotoken Restaurant Yukikawatei จุดหมายต่อไปคือ Millionaire Night View วิวกลางคืนที่สวยติดอัน 1 ใน 3 ของโลก
หลังจากที่ขึ้นมาถึงจุดชมวิวแล้วคนเยอะแยะ ลมแรงตามไสตล์ หนาวมากใช่ได้เลย พื้นลื่นด้วย เพราะว่า มันเป็นน้ำแข็งเกาะอยู่ วิวสวย วิวที่นี่เป็นวิวที่เห็นเหมือนช่องแคบๆ ที่ขนาบด้วยทะเล สองด้านเลย (แต่ผมชอบวิวที่ Sapporo มากกว่านะ) ฮ่าๆ
จุดนี้ เต้ยคุงเริ่มออกอาการเฟร็งๆนิดๆ เพราะขาตั้งกล้องอยู่ๆ แม่งก็พัง ปิติก็พยายามซ่อมก็ซ่อมไม่ได้ ลมแรงมือสั่น ถ่ายรูปไม่ได้ สุดท้ายปิติ และผม อยากช่วยเต้ยจึงอาศัยบทเรียนภาษาญี่ปุ่นบทที่ 9 ของปิติ ไปยืมขาตั้งกล้องของคุณลุงใจดีคนนึง มาให้เต้ย คุณลุงก็แสนใจดีให้ยืมด้วยอ่ะ
จุดนี้ เต้ยคุงเริ่มออกอาการเฟร็งๆนิดๆ เพราะขาตั้งกล้องอยู่ๆ แม่งก็พัง ปิติก็พยายามซ่อมก็ซ่อมไม่ได้ ลมแรงมือสั่น ถ่ายรูปไม่ได้ สุดท้ายปิติ และผม อยากช่วยเต้ยจึงอาศัยบทเรียนภาษาญี่ปุ่นบทที่ 9 ของปิติ ไปยืมขาตั้งกล้องของคุณลุงใจดีคนนึง มาให้เต้ย คุณลุงก็แสนใจดีให้ยืมด้วยอ่ะ
เต้ยดูอารมณ์ดีขึ้น ได้รูป ตอนที่เอามาคืน ปิติ ผม โค้งให้คุณลุงไปหลายโค้งเลย หลังแทบหัก ฮ่าๆ (ดีใจเพื่อนได้ถ่ายรูป) ขาลงมา เต้ยสะกิดและก็ยิ้มๆ พร้อมบอกว่า"กูซ่อมขาตั้งกล้องได้แล้วว่ะ" อ้าว ห่า เต้ยบอก ว่าขยับไปขยับมา มันก็เข้าล๊อคเองอ่ะ
ที่ผ่านมามันคืออะไร????
เป็น Moment ขำขำอีกแล้ว
ที่ผ่านมามันคืออะไร????
เป็น Moment ขำขำอีกแล้ว
ยืนถ่ายกันตรงนี้ไม่หนาวดีนะนาย ... หึหึหึหึหึ ... |
ชั้นล่างของจุดชมวิวเป็นที่ขายของที่ระลึก มี CD รวมรูปวิวด้วย พวกเรายังแซวเต้ยเลยว่า"มึงซื้อดิ สวยด้วย" อิอิ
สายตาผมเหลือบไปเห็นตู้ ชากาปอง ที่มี Kitty Miku เห้ยอยากได้อ่ะ ผมเรียกเพื่อนๆมาดู และสิ่งที่ผมทำคือ "กูหยอดหล่ะ" กูอยากได้ตัวเขียว Kitty Miku
หยอด
หมุน
กึ๊ก
ลุ้นเว้ย ...
เต้ยตั้ม ปิติ ก็หยอดกัน ปิติได้ตัว Special (เป็น มิกุที่ถือต้นหอม) เต้ยตั้มก็ได้ตัวที่ชอบ สนุกสนานนแบบเด็กๆมากมายอ่ะ ชอบๆ
พวกเราออกจากจุด Millionaire Night View พวกเราแวะร้านยาก่อนจะกลับเอาโรงแรม จำคุ้นๆได้ว่า ปิติปวดท้อง เราเลยมาหายาแก้ปวดท้องกัน หาครีมทากันหน้าลอกให้เต้ย ไม่น่าเชื่ออีกแล้วครับ ว่าพวกเราซื้อยากันได้ด้วยอ่ะ (ฮ่าๆ ปิติเก่งว่ะ) ....
สุดท้ายมาถึงโรงแรมสิ่งที่ไม่เค๊ยไม่เคยทำเลย และอยากทำ ก็คือการอาบออนเซ็น ยอมรับครับไม่เคยคิดจะแก้ผ้าอาบน้ำกับใครเลย ปิติชวน เต้ยตั้มพร้อม ผมก็เอาเราเริ่มจากเปลี่ยนชุดในห้องให้เป็นยูกาตะที่ห้องกันก่อน แล้วลงลิฟท์ไปออนเซ็น
ออนเซ็นที่นี่เป็น ออนเซ็นที่ สลับเวลา ระหว่างชายหญิง เป็นช่วงเวลาๆสลับๆกันไป ... (ในใจคาดหวังอยากได้ แบบรวม ฮ่าๆๆ)
สุดท้ายมาถึงโรงแรมสิ่งที่ไม่เค๊ยไม่เคยทำเลย และอยากทำ ก็คือการอาบออนเซ็น ยอมรับครับไม่เคยคิดจะแก้ผ้าอาบน้ำกับใครเลย ปิติชวน เต้ยตั้มพร้อม ผมก็เอาเราเริ่มจากเปลี่ยนชุดในห้องให้เป็นยูกาตะที่ห้องกันก่อน แล้วลงลิฟท์ไปออนเซ็น
ออนเซ็นที่นี่เป็น ออนเซ็นที่ สลับเวลา ระหว่างชายหญิง เป็นช่วงเวลาๆสลับๆกันไป ... (ในใจคาดหวังอยากได้ แบบรวม ฮ่าๆๆ)
หลังจากที่เราลงลิฟท์มาถึง ออนเซ็นแล้ว เดินเข้าไป ปิติก็แนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง แก้ผ้าตรงนี้ เข้าไปอาบน้ำ เอาผ้าอันนี้ไปด้วย ผมได้ผ้า ผืนใหญ่ไว้เช็ดตัว และ ผืนเล็กๆ เอาไว้ทำอะไรไม่รู้ แต่จากที่จำจากหนัง มันเอาไว้แปะหัว ... (ปิดตา ให้มองไม่เห็น ปิกาจูของคนอื่นมั๊ง)
และประโยคเด็ด ของวันก็มา Quote of The Day
"กูเปิดก่อนล่ะนะ" ปิตาซังพูด
"กูเปิดก่อนล่ะนะ" ปิตาซังพูด
… เออ กูเปิดตาม แสร่ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด
... เออ กูแก้ผ้าตามก็ได้ แสร่ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด
... เออ กูแก้ผ้าตามก็ได้ แสร่ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด
ความรู้สึกโดนเปิดซิง ว้าปเข้ามาในหัวเลย เดินแก้ผ้า แกว่งไกว่มันเป็นแบบนี้เอง
พอเข้ามาในออนเซ็น สิ่งแรกที่ปิติแนะนำคือ ล้างตัวให้สะอาดที่สุดเท่าที่ทำได้ สระผมล้างหน้า ล้างตัว ล้างไข่ ผมขอบอกเลยว่า เป็นการอาบน้ำล้างตัวที่สะอาดที่สุดเท่าที่ผมเคยอาบน้ำมาเลย ผมอาบน้ำไป 3 รอบ จากนั้นก็เดิน แกว่งไกว่ๆ ไปลงอ่างน้ำร้อน เพื่อนๆ ทุกคนก็ตามมา (ยอมรับว่า การที่สายตาสั้น ทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรเลย อาจจะเป็นข้อดีก็ได้มั๊ง)
น้ำร้อนร้อนกำลังดี
ปิติบอกว่าอย่าแช่นานมาก เดี๋ยวเป็นลม
แช่เสร็จก็ไปราดน้ำเย็น (ตอนที่ขึ้นจากน้ำร้อน มาอาบน้ำเย็น แม่ง สดชื่นสาด)
อาบน้ำอีกรอบก่อนออกก็เป็นอันเสร็จ
กลับขึ้นห้องร่างกายเหมือนได้ผ่อนคลาย สบายตัวชะมัด จิ๊บเบียร์ พอมึนๆ วันนี้ วันก่อน ความล้าทั้งหมดมันหายไปเลยตัวเบาๆ สบายตัวจัง จนผมต้องถามปิติว่า "โตเกียว มีออนเซ็นไหม พากูไปอีกนะมึง" โรคคลั่งออนเซ็น ผมติดโรคนี้ซะแล้ว
No comments:
Post a Comment