Tuesday, May 13, 2014

Day 06 : SapporoTrip ~ วันสบายๆกับ Sapporo เดินชิลว์ๆ พักตัว พักใจเตรียมตัว, J!NS

DAY 6 : วันสบายๆกับ Sapporo เดินชิลว์ๆ พักตัว พักใจเตรียมตัว

ร่างกายที่ล้าจากเมื่อวานยังไม่ทันหายดีเลย ผมก็ ต้องพยายามลากตัวเองออกมาจากเตียงอุ่นๆ เพื่อจะได้พักผ่อนแบบสบายๆกับเมือง Sapporo ในวันนี้ เช้านี้มีหิมะโปรยๆพอสวยๆตามรูป (บอกตรงๆหลายๆวันมานี้

สิ่งที่ลำบากผมที่สุดก็คือรองเท้า รองเท้าที่แม่งไม่กันน้ำ หิโม๊ะตกมาก็เข้ามาในตีนกระผมหมด เปียกเน่าทุกวัน ตีนเหม็น ถุงเท้าเน่า ดีที่มีที่ซักผ้าให้ใน Hostel ไม่งั้นคงต้องทนกับกลิ่นเท้าตัวเอง ไปทุกๆวัน ตลอดการเดินทาง ...


ตกไม่หนักเลย ไม่หนักเท่าไหร่ อากาศอุ่นกำลังสบาย

รูปทรงผมแบบ The Beatlesเลยนะ ฮ่า ๆๆ ... ขำหัวตัวเอง 



ครั้งหน้าเจอหิมะจะไม่มีพลาดแบบนี้อีกแล้ว สาบานจริงๆให้ตายเถอะ
โปรแกรมแรกของวันนี้คือ ไปดื่มด่ำกาแฟ ร้านกาแฟที่มีมือ Batista ที่เก่งติดอันดับโลก (ถ้ามจำไม่ผิด ถ้าผิดปิติแก้ให้กูด้วย) นอกจากจะเก่งแล้ว ปิติยังโฆษณาว่าหน้าตาน่ารักด้วยนะครับมึงๆ โอเค พวกเรายืนรอ Taxi ท่ามกลางหิมะ (พยากรณ์อากาศบอกว่าจะตกแค่เช้านี้ อดทนเว้ยมอดทน) จนพวกเรามาถึงร้านกาแฟ …

ร้านกาแฟร้านนนี้น่ารักๆ ตามแบบญี่ปุ่น และด้วยความที่พวกเรามาเช้ามาก ทำให้ร้านยังว่างๆ










เมื่อเท้าก้าวเข้ามาในร้าน สิ่งแรกที่เห็นคือ เม็ดกาแฟหลากหลาย คุ๊กกี๊ และโตํะเก้าอี้มากมาย และสิ่งต่อมาที่ผมพยายามจ้องมองหาคือ "Batista สุดสวย" 
"ไม่เจอแหะ" ความผิดหวังเริ่มมาก ว่าทำไมไม่เจอ หรือส่าเจอแล้ว แต่ไม่ปิ๊ง ฮ่าๆ เอาหล่ะมาเข้าเรื่องกาแฟดีกว่า ผมสั่ง Latte ร้อนไปเพื่อจะได้อุ่นขึ้น พร้อมกับ คุ๊กกี๊ 1 ชิ้น จริงๆก็ไม่เชิงคุ๊กกี๊หรอกครับออกแนว ขนมไข่ใส่ไส้มากกว่า อร่อยดี

ไม่หวาน ไม่จืด ส่วนกาแฟ ผมว่าอ่อนไปสำหรับคอกาแฟเข้มๆอย่างผม …


จบจากร้านกาแฟแล้ว พวกเรา ปิติ เต้ย ตั้ม ก็คุยกันว่าเอาไงต่อ เพราะวันนี้มันแสนว่าง ตารางเดินเที่ยวสถานที่ต่างๆก็หลวมๆปรับให้เดินเล่น หาของกิน ดูโมเดลได้ทั้งวันเลย ... แต่พวกเราคงเดินสบายๆชิวล์ในเมืองนี่แหละ




คิวเยอะอยู่นะเนี๊ยะ แต่คิวแบบนี้แค่ ชม.เดียวก็คงเคลียร์หมดแหละ


จุดหมายต่อไปคือ Soul Store ร้านข้าวแกงกระหรี่ ไสตล์ Sapporo เอ๊กซ์บอกว่า ข้าวแกงกระหรี่ของ Hokkaido จะไม่เหมือนที่ไหนในญี่ปุ่น และร้านนี้ก็ติด Guild Book ด้วย พวกเราเลยตกใจกันว่าไปโล้ด
หลังจากเดินไปถึงหน้าร้านแล้ว เราพบว่ามีคิวรออยู่แล้ว 5/6 คิวเราต้องต่อคิวท่ามกลางหิมะ บ้างคนที่มาหลังเราดีหน่อยเพราะขับรถมาเลยสามารถรอในรถได้ด้วย (โอ๊ส) ระหว่างรอคิวปัญหาของพวกเราคือ "ร้านไม่มี เมนูอังกฤษเหรอว่ะ

เทคโนโลยีทั้งหมดที่เรามี Twitter Google Translate หยิบขึ้นมากดหาคำแปลหมดเลย สุดท้ายก็ไม่ช่วยอะไร
ความสิ้นหวังมาถึงแล้ว
สิ้นหวัง
สิ้นหวัง





สุดท้ายพนักงานร้านเดินมาคุยกับเราพร้อมเมนูเป็นเล่ม และอธิบายสั้นๆ หลายๆคำ "Pork, Meat, Chicken" เท่านั้นแหละ พวกเราก็เข้าใจ (เทคโนโลยีอาจจะไม่ได้ช่วยท่านได้ทุกสิ่งจริงๆ ถ้ามันไม่ดีพอ) พอถึงคิวพวกเรา เราได้นั่งโต๊ะเดียวกันถ้าผมจำไม่ผิด ผมสั่งชุดข้าวแกงกระหรี่เนื้อมา 

ข้าวผมมาแล้ว ข้าวแกงกระหรี่ของที่นี้แปลกจริงๆ จริงๆ ออกเป็นแนวข้าวกับซุปแกงกระหรี่(น้ำใส)มากกว่า เสริฟมาพร้อมผักทอกต่างๆมากมาย ยาวบ้าง สั้นบ้าง มะเขือ เห็ดจัดเต็มเลย สำหรับรสชาติขอบอกเลยว่า "อร่อย ย ย ย ย ย ย" ผมแนะนำเลยว่าถ้ามีโอกาสมาที่ Sapporo โปรดมาชิม มากิน อย่างพลาด (เว้น แต่จะมีคนไปเปิดร้านที่เมืองไทย แล้วมันใกล้เคียง ถ้ามีก็ข้ามๆมันไปนะครับ)





อิ่มแล้ว
ก่อนจะอ่าน Phase ถัดๆไป ... ผมขอเล่าย้อนไปเมื่อคืนก่อน

เมื่อคืนนี้ปิติ เต้ย และตั้ม พวกเราตกลงคุยกันเรื่องทริปของวันต่อๆไป ที่ Hakodate พวกเราคิดว่า ถ้าพวกเราทิ้งห้องพักที่ Sapporo แล้วไปนอนที่ Hakodate เลยจะดีกว่าไหม? ซึ่งพวกผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่า เพราะ รถไฟจนาก Sapporo ไป Hakodate นั้น ไปกลับหลายชม. แถม Hakodate ยังเป็นสถานีที่เราต้องผ่านเพื่อนั่งรถไฟไป Tokyo ด้วย คืนก่อนปิติเลยจองโรงแรมที่ Hokadate เลย เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่เราต้องทำคือ ไปเปลี่ยนตั๋ว JR ของพวกเราทั้งหมดให้เป็น เที่ยว/และเวลาใหม่ทั้งหมดเลย




รถ Honda รู่นนี้หน้าตาน่ารักดีจังเลยอ่ะครับ ช๊อบชอบ


แต่ละเมืองของญี่ปุ่นมี ตัวละครน่ารักๆ เป็นตัวประจำเมืองด้วย เมืองไทยน่าจะมีบ้าง



ดังนั้นเราต้องไปที่ JR station หลังเปลี่ยนตั๋วเสร็จเวลายังเหลือ ปิติเลยพาพวกเราเข้าเมือง Sapporo ไปที่ห้างขายของอิเล็คทรอนิคส์ + มีโมเดลด้วย และก็เดินนู้นนี่นั้นกันเพลินๆ



คุยกะนว่าจะเอาไงต่อดี ... เดินเล่นในเมืองกันดีไหม?





ระหว่างที่เราเดินเล่นไปมา สายตาพวกเราก็เหลือบมาเจอ ร้านแว่นที่ใต้ดินของห้างนึง(จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่จำได้ว่าร้านแว่นชื่ออะไร) ~ JINs คือ ร้านแว่นที่ พวกผมเข้ามาพบและเดินดูแว่น ปิติเป็นคนแรกที่เดินวนไปวนมาเลือกแว่น และคำนวณราคาพบว่า ถูกมาก เฉลี่ยราคาแว่นประมาณ 3,500-7,000¥ ได้ทั้งแว่นและเลนส์ (ในไทยไม่มีทางได้ราคานี้)

ปิติเริ่มคิดและตัดสินใจเลือกกรอบพร้อมเลนส์ ตั้มคือคนที่สองที่ตามไป และเต้ยผู้ที่ไม่ใส่แว่น ก็ดันเลือกแว่น PC เลนส์ (30%) สุดท้ายผม ความรู้สึกของการสะกดจิตหมู่มันเป็นแบบนี้เอง ผมคือคนที่4ที่เลือกและตัดแว่น สรุปเรา 4 หนุ่ม ได้แว่นใหม่กันทุกคนเลย (เอ้ย!!!) จะมีคนไทยกี่คนเชียวที่มาตัดแว่นไกลถึงเมืองนอก ถามจริงๆ!!!

*สิ่งนึงที่ผมชอบมากที่ร้าน JINs คือการวัดสายตาของคนญี่ปุ่น มันเท่ห์มากเลย แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เราพูดกับเค้ารู้เรื่อง ซ้าย ขวา เบลอ ชัด โอเค โนกู้ด ไนท์ คือคำพูดที่เป็นคำตอบในการวัดสายตา ผมเชื่อนะว่าหากมีโอกาส ผมอยากให้เด็กแว่นลองไปตัดแว่นที่ร้าน JINs (J!Ns) ที่ญี่ปุ่นดูนะครับ มันสุดยอดมากจริงๆ




หลังจากตัดแว่นเสร็จก็เย็นแล้ว
พวกเราตัดสินใจว่าวันนี้จะกิน โชบะ inw ให้ได้จึงเดินไปที่ร้านโชบะเทพ 
ซึ่งร้านนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
"ปิด" เหมือนเดิม อดแดกครับ อดแดก
ความสิ้นหวังมาถึงแล้ว
สิ้นหวัง
สิ้นหวัง (อีกแล้ว) (อีกแล้ว)


"ปิดอ่ะ" เฟร็งจุงเบย

เอาไงต่อดีหล่ะครับ ผมเสนอว่า "ไปกินร้านบะหมี่ริมทางที่เราเห็นคนเข้าคิววันก่อนไหม?" ซึ่งทุกคนก็ดูโอเคนะ (ผมอ่ะอยากกินมากๆ) เราเดินไปเรื่อยๆ ตามที่เราจำได้ว่าร้านมันอยู่ตรงข้ามร้านราเมงจานแดง พอพวกเรามาถึงร้าน วันนี้แปลกๆ ร้านแทบไม่มีคนมารอหน้าร้านเลย (เริ่มหวั่นๆ) แต่เอาน่าลองดู ร้านราเมงนี้ชื่อว่า โซระ (มิมี อาโออิไม่) ก้าวแรกของผม ร้านนี้เป็นร้านขนาด ไม่เกิน 10 ที่แค่ ซกมกมาก หน้าต่างใช่แผ่นพลากสติกปิดไว้กันลม

เนื่องจากร้านนี้เป็นน ร้านเทพจริงๆ ผมขอ สงวนสิทธิ์การไม่บอก พิกัด เพื่อจำกัดคนรู้ (ฮ่า ๆๆๆ)
พนักงานใส่เสื้อที่เขียนที่หน้าอกว่า "No Ramen, No Life"
หลังดูเมนูแล้ว ทุกคนยกเว้นผม สั่งชุดเทพหมดเลย ราเมงมาเสริฟพร้อมควันฉุยๆ เส้นหนึบๆนิ่มๆ ชาชูนุ่มละลายในปาก จนปิติเปรยขึ้นมาว่า "นี่คือร้านราเมง 1 ใน 3 ในดวงใจ"  สุดท้ายไอ้ชามที่ผมสั่งมันไม่มี หมูสามชั้นเทพแหละ เลยกลายเป็นเรื่องล้อผมเลยว่า 50¥ ดันไม่สั่งอดแดกเลยมึง !!!!
*ราเมงโซระ ผมขอยกนิ้วให้เลย คุณเทพจริงๆ





ราเมงคุณ inw จริงๆนะครับ ผมรักร้านนี้มากเลยอ่ะครับ ... อร่อยยยยยยย ...




ตั้งแต่ใส่แว่นมา JINs ปิติก็บ่นตลอดว่าไม่ชัด ไม่ชัด ไม่ชัด เบลอ … พวกเราเดินกลับไปที่งาน Snow Festival อีกที และแยกออกมา โดนที่เต้ยตั้มอยู่ที่งาน ปิติและผม วิ่งไป JINs เพื่อจะขอวัดสายตาใหม่
กว่าพวกเราจะกลับมาถึง JINs โชคดีที่ร้านยังเปิด พวกเรารีบเรียกหาคุณ "ทาบาชิ" (หรือป่าวว่ะ) เพราะว่าเค้าคือคนที่ตัดแว่นให้พวกเราทั้งหมด พนักงานสาวที่ฟังอังกฤษ ไม่รู้เรื่อง รีบวิ่งไปหยิบ iPad มาพิมพ์ คำแปลที่แสดงออกมาคือ "Resign" หา!!!!

มึงขายแว่นให้พวกกู 4 อันเนี๊ยะมึงได้ค่าคอมฯถึงขนาดลาออกเลยเหรอ?
(จริงๆก็เข้าใจแหละครับว่าคงบอกว่าเลิกงานแล้ว)
เราเลยถามว่าเราจะทำไงดี เพราะแว่นที่ตัดมามันไม่ชัด จะเปลี่ยนแว่นได้ยังไง เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องเดินทางไป Hakodate แล้ว ที่ Hakodate มี JINs ไหม? พนักงานก็บอกว่าไม่มี
สุดท้าย ... ผมเลยบอกว่าเอางี้ Tokyo มี JINs ไหมและเราไปเปลี่ยนที่นั้นได้ไหม? เธอตอบกลับมาว่าได้ มีมี มีสาขาที่ Tokyo เย่! ปิติมึงไปเปลี่ยนที่โตเกียวแล้วกันนะครับ โอเคแหละถึงจะผิดหวังที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่ยังไม่สิ้นหวัง รอไปก่อน โตเกียวเมื่อไหร่ เราได้เปลี่ยนแน่ๆ







หลังจากนั้น ปิติและผมก็เดินกลับมาเจอเต้ยที่จุดนัดพบ ดูการแสดงของดารา Girl Group เพลินๆ ก่อนจะกลับโรงแรมเก็บข้าวของ เตรียมตัว บะบาย Sapporo ไปสู่ Hokodate เย้ วันนี้ตื่นเต้นดีแท้เน่อะ (ชอบ Moment ตอนซื้อแว่น กับเปลี่ยนแว่นมาก ขอบอก ขอบอก)

พักเถอะมึง กูรู้ว่า มึงเหนื่อย ... ((จำไมไ่ด้ว่า ถ่ายภาพนี้ทำไม?))
เต้ยมาบอกเพิ่มเติมว่า ... "ปิติแม่งหนุนตักเต้ย ผมเลยจะถ่ายภาพ
แม่งก็เลยอาย กลิ้งตัวหนี

รีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไป ขึ้น JR มุ่งสู่ Ha Ha Ha Ko Ko Date ... Hakodate จ้า (ตีห้าครึ่ง ตีห้าครึ่ง)


No comments:

Post a Comment