Thursday, May 22, 2014

Day 12 : The last day in Tokyo บะบาย ล่ะนะ

DAY 12 : The Last Day in Tokyo บะบาย ไปหล่ะนะ พร้อมๆ ซูชิ

จุ๊ๆ ... อย่าเสียงดังนะ วันนี้ ผมต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 เพื่อจะออกเดินทางไปแดก ซูชิที่ ตลาดปลา ซึกิจิ พวกเราค่อยๆ ถยอยตื่นกันคนสองคน กว่าจะออกจากที่ ห้อง NUI ก็ประมาณ ตี 5 ได้ พวกเราเดินออกมา เพื่อขึ้น Taxi แล้ว มุ่งหน้าไปที่ตลาดปลา ซึกิจิ (Tsukiji ) กันเลย เย่!!!

จากที่พวกเราคาดการ การเดินทางออกตัวก่อนที่ รถไฟใต้ดินจะเปิดทำการ แปลว่า พวกเราต้องมาเป็นคิวที่ 1 อย่างแน่นอน

พวกเรามาถึงที่ ตลาดกัน ประมาณตี5 ครึ่งเห็นจะได้ คิวที่ร้าน ซูชิไดยาวแล้ววววว ... ยาวขนาดที่ ปิติถึงกับตกใจเลยทีเดียว มองประมาณการจากสายตา ไม่ต่ำกว่า 40 คน ได้ ... อากาศก็หนาว พวกเรายืนกันตัวสั่นเป็นลูกเป็ดน้อยๆเลยอ่ะ

แถวก็ค่อยๆ ขยับ จากนอกร้าน ค่อยๆเข้าใกล้ร้านขึ้นเรื่อยๆ ยังดีนะครับที่มีคุณป้า มาค่อยเอาซุปอุ่นๆ มาให้พวกเราได้พอแก้หนาวบ้าง ไม่งั้นคงแข็งแน่ๆ ...


หนาวแสร่ด อ่ะขอบอก ขอบอก ...
ตี5 ครึ่ง ... ุโมงเช้า ... 7โมงกว่า ๆ เกือบๆ 8 โมงได้ พวกเราก็มาถึงที่หน้าร้านแล้ว ปิติเล่าว่า ณ ตอนที่พวกเราอยู่ใกล้ๆ ประตูร้านว่า ... พ่อครัวร้านนี้ชอบชวนคุย คุยนั้นนู้นนี่ ยาว ค่อยๆถามว่าเอานั้นไหม? อร่อยหรือป่าว ... แทนที่จะรีบๆ เสริฟ รีบให้ให้ลูกค้ากิน แล้ว ก็รีบๆออก (เหอะๆๆๆ) แม่งก็เล่าอยู่นั้นแหละ ไม่รู้แม่งจะเล่า จะทักทายอะไรนักหนา คนในร้านแม่งก็ แทนที่จะรีบกิน แม่งก็คุย ยิ้ม นั้นนู้นนี่อยู่ได้ ((ปิตาซังก็บ่นๆไปงั้นแหละครับ ขำขำ))



ในที่สุดเราก็ได้เข้ามากิน ในร้านแล้ว โอกาสที่เราจะนั่งยาว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ถ่ายรูป คุยกับ เชฟ มาถึงกูแล้ว ... สิ่งที่มาถึงเราเป็นสิ่งแรกก็คือ ซุปกับชาเขียว อุ่นๆ ... มันช่วยชีวิตผมได้มากเลยอ่ะครับ พ่อครัวเริ่มถามว่าแพ้ปลาไหม? .... แดกปลาร้าได้หรือป่าว? ... มีปลา 10 อย่างนั้น ชิ้น 11 เลิกที่ชอบเอานะ ... จากนั้นก็ชวนคุย แล้วก็ค่อยๆ เสริฟ ซูชิ ทีละชิ้น ทีละชิ้น ... 

ผมก็ตามภาษาคนไทย ถ่ายรูปมันทุกชิ้นเลย แล้วก็ รีบกิน (ในใจก็เกรงใจคนช้างนอกนะครับ แต่ก็แอบมีอารมณ์ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ ... ตากูช้าบ้างแหละ อิอิอิ แต่ก็ยังแอบสงสารนะครับ ดังนั้น รีบแดกรีบถ่ายดีก่า)

เรื่องของซูชิก็อร่อยครับ อร่อยมาก ก ก ก ก ก  .. กินๆๆๆ มันก็อร่อยในราคาที่ไม่แพงมากนักนะครับ ถ้ามีเวลา มีกำลังพอจะรอ ก็อยากแนะนำให้มากินนะครับ



เฮ้ย อร่อยน้ำตาไหลนะเนี๊ยะซูชิ สดๆ มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง









หลังจากที่กินกันจนอิ่มแล้ว เก็บเงินแล้ว พร้อมจะออกจากร้านแล้ว ... เราก็ถ่ายรูปพวกเราเอง แล้วก็ขยับจะออก คุณป้า ... เดินเข้ามาเรียก แล้วทำท่าทางแบบว่า มาป้าถ่ายให้ จะได้รูปสวยๆพร้อม เชฟ ฮ่า ๆ พวกเราเลยยอมเสียเวลาอีกแป๊ปนึง (อารมณ์เหมือนแกล้งคนข้างนอกเลย) ... สุดท้ายพวกเราเลยได้รูปคู่เชฟมาอีก 1 รูป ประทับใจ ประทับใจ ดีครับ สำหรับร้าน ซูชิเดน


อร่อยจังเลย ... ปิตาซังสัญญาว่าคราวหน้าจะพาไปร้านเทพอีกร้านแบบไม่ต้องต่อคิว
แต่ต้องจอง และแพงกว่านิดหน่อย ... รอปิตาซังนะครัซ

ถ้าสังเกตดีดี จะเห็นรังศีอาฆาต มาจากนอกร้าน เป็น แสงสีแดง ที่ มี
คำพูดลอยมาด้วยว่า ... "รีบๆหน่อยพวกมึง"

พอเดินออกจากร้านมา ผมบอก ปิตาซังว่า อยากแวะร้านร้านนึงที่ เป็น ร้านกาแฟ น่ารักๆ ที่ครั้งก่อนมาเห็น ...  วันนี้ผมเลยเดินทางนำเพื่อนๆมาแวะร้านกาแฟ ... ร้านกาแฟยังน่ารักเหมือนเดิม พวกเราเดินขึ้นมาชั้นสอง สั่ง กาแฟ 2-3 แก้ว

สรุปกาแฟร้านนี้ก็ เรียบๆนะครับ แต่ก็ แก้ความอยากลองกินกาแฟร้านนี้ของผมไปได้ ...


หลังจากกาแฟแล้ว พวกเรา ก้กลับมาเอากระเป๋าที่ NUI แล้วก็ มุ่งหน้า ไปที่ Locker JR Uenoที่จะไป Airport กระเป๋า พวกเราก็ไม่ได้เยอะนะครับ นิดหน่อย นิดหน่อยเอง ดูรูปเอา ...

พวกเราลากกระเป๋า ขึ้นรถไฟมาลงที่ Ueno ครับ แล้วก็ยัดกระเป่าทุกใบใส่ Locker แล้วก็ออกมาเดินเล่น รอเวลาครับ มาแวะหยอดตู้กาชาปองที่ ตึกแถวๆ นั้น แล้วก็แวะวื้อของเล็กๆ น้อยๆครับ







พอเริ่มหิวก็แวะทาน ข้าวแกงกระหรี่ ราคาถูก เป็นการจบท้าย



เดินเล่นได้สักพัก ซื้อของเล่นนิดหน่อย ก็มากินข้าวแกงกระหรี่ ราคาไม่แพงแถวๆ นั้นครับ เป้นการรองท้องก่อนจะกลับบ้าน ที่กรุงเทพฯ เมืองไทยครับ พอได้เวลา พวกเราก็มารอรถไฟกันครับ ระหว่างรอก้นั่งเล่นเกมส์ ทำนู้นนี่นั้นไปเรื่อย ... 

ผมเองรู้สึกเหงานะครับ ใจนึงไม่อยากกลับบ้านเลย
แปลกดี ... ผมขึ้นรถไฟจาก โตเกียวมาที่นาริตะ แบบเหงาๆ เพราะว่าต้องกลับบ้านแล้ว ทริปนี้ ทริปแสนสนุกนี้กำลังจะจบลงแล้ว แบบ ... ประทับใจผมนะ ถึงจะเหนื่อย จะหนาว จะต้องรอกินนี่นั้น แต่ ทุกช่วงเวลา มันแม่งสนุกจริงๆ ...

มาถึงที่ นาริตะ เรา check-in กระเป๋ากันแบบสบายๆ เดินไป shopping กันนิดหน่อยก่อนขึ้นเครื่อง บินกลับบ้าน ...




ปากกาเขียนแล้ว ลบได้ ช๊อบชอบ ... อิอิอิ

กลับมาถึงกทม ... แล้วจ้า

จบทริปทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์แบบ
ทริปแสนสนุก
ขอบคุณ
ปิตาซัง ที่พาเที่ยว ทำการบ้านอย่างหนักให้พวกเราไม่ต้องคิดมาก ... กินอร่อย นอนสบาย
เต้ย ที่ถ่ายรูปสวยๆ ทำให้ ไม่ต้องเอากล้องไป มึงแบกหนัก พวกกูสบาย ...
ตั้ม ช่วยเติมเต็ม ทริป มีมุขขำๆบ้าง ไม่ขำบ้าง ... + ช่วยเต้ยถือของ และซื้อมิกุอย่างบ้าคลั่ง
ขอบคุณ Sapporo ที่ ทำให้รู้ว่า พายุหิมะเป็นยังไง ...
ขอบคุณ Otaru ที่เป็นเมืองน่ารักๆ ... ของแพงแต่อยากซื้อ
Neseki ที่ทำให้สนุกสนามกับ Snow board
ของคุณ Hakodate ที่เป็นวิวสวยๆ อากาศหนาวๆ ... ออนเซ็นเปิดซิง
ขอบคุณร้านปู ทำให้ได้กินปูตัวใหญ่
ขอบคุณ ข้าวสาร Hostel ... มีที่นอนสองชั้น ได้นอนชั้นบนด้วย
ขอบคุณคุณลุง Tram ที่เอาหมวกน้องฮุยมาคืนปิตาซัง
ขอบคุณ ชินคังเซน ที่รอปิติจนวินาทีสุดท้าย
Miku ขอบคุณที่ทำให้ พวกเรารู้จัก Nendoroid
ขอบคุณ NUI เป็นที่ ปรับทุกข์เรื่องหัวใจ
JINs สำหรับแว่นตาดีดี
ขอบคุณ Madarake สำหรับ JOJO โจสุเกะ
ขอบคุณ กินซ่า สำหรับ ข้าวหมูทอด
ขอบคุณร้าน Hamberg ทำให้รู้ว่า โลกนี้มีเนื้ออย่างคุณ
อากิฮาบาระ สำหรับ Figure น่ารักๆ ทุกตัว
ขอบคุณ โตเกียว สำหรับ พายุหิมะหนักๆ วันนั้น
ขอบคุณ ร่มของ NUI ทำให้ผมไม่เปียกหิมะ
ขอบคุณ คุณป้า ร้านซูชิที่ถ่ายรูปให้
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทุกช่วงเวลาใน ทริปนี้เลย



Wednesday, May 21, 2014

Day 11 : โตเกียว Trip ~ วันที่สาม ตะลุย โตเกียว เก็บให้เกลี้ยง หม่ำของอร่อย

DAY 11 : วันที่สาม ตะลุย โตเกียว เก็บให้เกลี้ยง หม่ำของอร่อย

ตื่น ๆ ๆ ๆ ... ลุยจากที่นอนได้แล้ว เตรียมตัวออกตะลุยเมืองหลวงของญี่ปุ่นกันต่อดีกว่า ... เช้าวันนี้ยังเห็นหิมะอยู่บ้าง อากาศกำลังดีเลย ไม่หนาวมาก ไม่หนาวมาก ... (ย้ำ) เป้า หมายแรกเช้านี้เป็นอะไรที่ใกล้ๆ ที่ที่เราพักก่อนแล้วกันนะครับ และเป็นจุดเด่นของ โตเกียวเลยก็ว่าได้ นั้นคือ วันวัดอะโคะคุจิ ที่อิคิววังอยู่ ... (เฮ้ยไม่ใช่) วัดอาสากุซะ ครับ วัดโคมแดงๆ ... เย้ ไปไป




มาถึงวัดอาสากุซะแล้ว รู้ได้เลยว่า พวกเราโชคดีมากๆเลยอ่ะครับ ที่ได้มา เพราะเมื่อมาถึงสิ่งที่ผมไม่ได้เห็นจากการมาญี่ปุ่นครั้งก่อนก็คือ ...



โคมแดงหด!!!

โคมแดงมันหดไปครึ่งนึงอ่ะครับ (เข้าใจว่า 2-3วันนี้ ลมในโตเกียวแรงมาก ทางวัดเค้าจะมาหดโคมเหลือแค่ ครึ่งเดียว) เต้ย ทำหน้าตาดีใจมาก ... ที่ได้ พบประสบการณ์อันแปลกประหลาดนี้ รีบกดชัตเตอร์แทบไม่ทันเลยทีเดียว (ฮ่าๆๆๆ)

เต้ย ตั้ม ปิติ ก็เดินเล่นกันในวัดไปเรื่อยๆ ตามภาษา

วัดอาสากุซะไม่ได้ แตกต่างจากเดิมมากเลยครับ ของก็ยังขายกันกระจุยกระจาย คนไทยบานเยอะแยะเต็มไปหมด มีทั้งคุยๆกันอยากได้ไอ้นั้นไอ้นี้ กินนั้นกินนี่ ถึงขนาดว่า ผมนึกว่า อยู่เมืองไทยเลยทีเดียว ...
คนไทยก็เที่ยวเก่งนะเนี๊ยะ ไปมันทุกทีเลย

ชอบรูปนี้มาก ๆ ๆ ๆ ๆ... ปิติถ่ายให้ แสงก็สว เห็น ฝรั่ง ด้วย หล่ออ่ะขอบอก



โคมหด!!! หาดูได้ยากส์มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...

ผู้คนมากมายมาขวักควันธูปเข้าตัว เพื่อจะได้โชคดี










ออกจากเดินเล่นในวัดแล้ว ก็เริ่มท้องหิว
หิว หิว หิว
วันนี้ปิติ อาสา กึ่งบังคับว่า พวกมึง มึง และมึง ต้องไปแดก Hamburg เทพกับกู ... "โอเค๊" ก็โอเคแหละครับ เทพมากก็ต้องโดนแดกลงกระเพาะ จริงไหม? พวกเราต้องนั่ง JR มาลงแถวๆ Shinagawa-ku เพื่อมาร้านเทพ Hamburg ครับ มาถึงก็เดินๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ((ร้านนี้ ปิติขอให้สงวนสิทธิ์ การเข้าถึง พิกัด LAT,LONG ครับ))  จังหวะแรก แสนดีใจ เพราะว่า มีคิวแค่หน้าร้านไม่กี่คิวเอง สบาย พวกเราแล้วววววว ...

สายตาของเธอบอก ... 

สักพัก ทำไมรู้สึกถึงรังสีอำมหิตย์ว่ะ
หันหลังกลับไป โอวววววว แม่เจ้า คิวต่ออยู่อีกฝากมุมถนน ยาวเลย ... พวกเราถึงได้รุ้ว่า พวกที่มานั่งที่หน้าร้านคือ เป็นคิวที่ใกล้จะโดนเรียกเข้าร้านแล้ว OK ไม่เป็นไร พวกเราค่อยๆเดินระเห็ดออกจากจุดนั้นไปเข้าคิวยาวๆ แทน ... ระหว่างรอคิวก้ เพลินๆ นะครับ เล่น iPhone ไปเรื่อย รอสัก 1ชม.ครึ่งก็ได้ เข้าไปนั่งในร้านแล้ว สบายๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

อยากแดกอร่อยก็ต้องรอ 

หน้าร้านไม่มีคิวเลย สบายแหละ ...

คิวยาวๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง ... บร๊ะเจ้า ...




พอพวกเราเข้ามาในร้านได้ ก็ สบายแล้วหล่ะครับ ... อากาศอุ่นๆ ได้กลิ่นหอมเนื้อไปทั้งร้านเลย ... พนักงานเอาเมนูมาเสริฟให้พวกเรา ปิติ เต้ย ตั้ม ก็ จัดไป ชุดเทพเนื้อพยากรณ์ ส่วนผม ก็ เนื้อ Hamburg ธรรมดา ๆ ... เอาพออิ่ม (เพราะเชื่อว่าครั้งหน้า จะกลับมาอีกให้ได้) พออาหารมาเสริฟ ... ผมมองแม่งก็ก้อนเนื้อธรรมดา นี้หว๊า จะไปอร่อยขนาดไหนกันเชี่ยวว่ะ

จังหวะที่เอามีดกดลงไปที่เนื้อ ...


น้ำเนื้อแม่ง พุ่ง ทะลักเหมือนเขื่อนแตก ... เนื้อชุ่มไปด้วยน้ำเนื้อ มีดที่จิ้มลงไปเหมือน จิ้มลงไปในเจลลี่นิ่มๆ ... ห่า นี่มัน อะไรก้าน น น น น น น น น น น  เนี๊ยะกูกำลังจะแดกอะไรว่ะเนี๊ยะ ? ... 
เอาว่ะ ตักมาแดกก่อน ...

โอ๊ส !!!!
เนื้อ แม่งละลาย วูปไปเลย ปากกูว่างปล่อยอีกแล้ว เนื้อก้อนใหญ่ๆ ค่อยๆหายไปในท้องของผมเริ่อยๆอย่างเร็ว น้ำตาจะไหล ในหัวคิดแต่ว่า ชาตินี้กูจะกลับไปแดกเนื้อกะทะ ที่เมืองไทยได้ไหม? ...  ปิติแม่งเล่นกูแล้ว วัวที่นี้ แม่งตายไปสมศักดิ์ศรีจริงๆ ตายห่าได้อร่อยมาก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ... 


ก้อนเนื้อ ที่ดูธรรมดา

ก้อนเนื้อ น้ำกระฉูด ... ปุ๊ปๆๆๆๆๆ ... inw มาก

อันนี้เป็น ชุดของตั้ม ... ดูน่าจะเทพมาก ก ก ก ก ก ก เห็นแล้ว น้ำลายไหล

ปิตาซัง กูขอบใจมึงมากๆ ที่พากูมาแดกเนื้อวัว ในรูปลักษณะใหม่ ที่เรียกว่า
Hamberg Hamburg ของจดจำรสชาตินี้ไปตลอดชีวิต

หลังจากอิ่ม กับเนื้อวัวเทพแล้ว พวกเราก็มีแรงพอที่จะเดินทางกันต่อครับ เรากลับไปที่ ชิบุย่าอีกรอบนึง เพราะว่า ปิติจะไปถอย โมเดลอีกร้านนนึงอ่ะครับ ผมเองก้ บอกว่า มีโอกาสก็แวะ JINs ด้วยนะ กูอยากได้แว่น ... ตั้มก็อยากได้ พอเราไปถอยที่ ชิบุย่าแล้ว ที่ ชิบุย่าพวกเรามาเจอ JINs แล้ว ก็ตะลุยเลือกแว่นกับอย่างบ้าคลั่ง สั่งตัดแว่นด้วย ... ตั้มกับผมก้เลยได้แว่นใหม่มากันคนละอัน สบายตัวเลย ...

ระหว่างรอแว่น พวกเราก็เดินไปที่ ร้าน Madarake ที่ชิบุย่า กัน ... ที่ร้านนี้ สำหรับผมแล้ว ลึกลับซับซ้อนอยู่นะครับ เพราะต้องลงไปที่ใต้ดิน ระหว่างเดิน ... ลงไปพอถึงล่างสุดสิ่งที่เราเจอก็คือ ร้านขาย Model มากมาย ผมเลือกที่จะเดินตามปิติ ... และสิ่งที่ผมเห็นใน ตู้โชว์ก็คือ ออออออ ...





น้องคนนี้แหละ น่ารักมาก ก ก ก ก ทำให้เราซื้อแว่นกันอย่างสนุกสนาม







JOJO โจสุเกะ เว้ย ย ย ย ย  

ปิติ ตาลุยทันที ไม่สนใจราคา เรียกพนักงานมา เก็บทันทีเลย ... เพราะ ตัวนี้ ปิติย้ำผมตลอดเวลาว่า "ถ้ามึงเจอบอกกูเลย" จัดไปเพื่อน นอกจาก ตัวนี้แล้ว ปิติ ยังเจออีก 2/3 ตัวจากร้านนี้นะครับ ... สบายตัว ตัวลอยเลย

จัดไปเป็นคู่ครับ เพื่อน หล่อ ๆ ... 
ขออนุญาตเอาตู้หล่อๆ ของ ปิตาซังมาอวดหน่อยนะครับ ... มันไม่ธรรมดาจริงๆ


เย็นๆแล้ว หลังจากที่ได้แว่นตามาแล้ว ได้ Jojo มาแล้ว ... พวกเราก็เริ่มจะท้องร้องแล้วหล่ะครับ ร้านต่อไปที่ ปิตาซังจะพาเรามาแดกกัน ก็คือ ร้านหมูทอดสุดนุ่นนิ่ม อีกร้านที่ กินซ่า ... เป็น ร้านเทพอีกร้านที่ ต้อง เก็บ พิกัดเอาไว้ เช่นเดิม (จริงๆก็ถ่ายรูปมาแล้วหล่ะ อาจจะหาไม่ยาก ป่าว?)

ปิตาซังบอกว่า "ร้านนี้สบาย พูดอังกฤษได้ ข้าวอร่อยมาก ให้แดกเปล่าๆ ยังเอาเลย หมูไม่ต้องพูดถึง อร่อยสาด ... " มาถึงร้านนี้ก็เป็น จริงอย่างที่ปิติพูด 



พวกเราเลือก Set อาหารเป็น แบบ 4 คน แดกกัน 5 ชิ้น มีหลายๆ รสให้เลือกกินเลยอ่ะครับ (ดูตามเมนูเอานะครับ) หมูที่นี่ นุ่มมาก ๆๆๆ ... ผมชอบ พริกไทดำมากเลย ธรรมดาก็อร่อย สรุปแล้วอร่อยทุกๆ อันเลยอ่ะครับ ส่วนข้าวก็อร่อย นุ่มมาก ๆๆๆๆๆ ... พอเอาทุกอย่างมาทานด้วยกัน มันเลย ลงตัวอย่างสุดๆไปเลยอ่ะครับ ... น้ำลายจะไหล

หมูที่นี่ มันนิ่มเพราะหลายอย่างอ่ะครับ หนึ่งผมว่า ชนิดหมูการเลี้ยง สองคือ เค้าเอาหมูมา slide บางๆ แล้ว พับทับไปทับมา ทำให้มันนิ่มมาก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ... อร่อยเลยอ่ะครับ


มีสลัดผักให้อิ่มได้ไม่จำกัดเลยอ่ะครับ ... ส่วนข้าวที่นี้หุงคนต่อคนนะครับ
พิเศาสุดๆ อร่อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ... อยากให้ไปลองกินกัน


มันอร่อยจริงๆ นะครับ ผมอ่ะชีอบชอบ นิ่มมาก ไม่เหมือนหมูก้อนที่เมืองไทยเลย



ไหนๆก็มา กินซ่าแล้ว ผมก็เลยบอกเพื่อนๆว่า
"เงินกูหมดแล้ว" พากูไปแลกเงินที ... พวกปิติเลยพาเราเดินๆ หาที่แลกเงินที่นี่กัน ...  พอแลกเสร็จ รู้สึก ล่ำซ่ำมาก ก ก ก ก ก  เราเดินดู นี่นั้นนู้น ของ กินซ่าไปเรื่อยๆ (คราวที่แล้ว ผมไม่ได้มา กินซ่า เพราะรู้สึกว่า ไปเดิน paragon เอาก็ได้)

ระหว่างที่เดิน สายตา หู ก็ดันไปเห็น ว่า มีกระเป๋า เดินทาง SALE!!!!
ถูกมาก ๆๆๆ ... ปิติ สนใจเพราะว่า ของ มันเยอะเริ่มจะยัดลงกระเป่า เดินทางที่เอามา ไม่ไหวแล้ว แถมนอกจากนั้น ปิติยังเจอกระเป๋า นักเรียนญี่ปุ่นที่อยากเอาไปฝากหลานที่ร้านนี้อีก ราคาก้ไม่แพงมาก (ประมาณ 5,000เยน) แถมน่ารักมาก ๆๆ ... (ผมเองยังอยากได้เลย)

สรุปแล้ว ปิติ ได้กระเป่าเดินทาง มาอีกใบ กระเป๋านักเรียนอีกใบ ... สบาย ...
ดึกแล้ว และพรุ่งนี้เราต้องกลับประเทศไทยแล้ว พวกเรา 4 คนเลยตัดสินกลับ NUI ดีกว่า ไปจัดกระเป่า เตรียมตัวสำหรับ พรุ่งนี้ที่ต้องเดินทางกลับบ้าน *ไม่อยากกลับเลย




กระเป๋านักเรียน แบบมารุโกะ น่ารักดี ผมเองยังอยากได้เลย 


เราออกจาก กินซ่า 
มาขึ้นรถไฟฟ้า ใต้ดินแล้วก็มาโผล่ใกล้ๆ NUI ซึ่งต้องเดินเรียบริมแม่น้ำ
ระหว่างทางเดินกลับ NUI เราก็เดินริมแม่งน้ำเหมือนเดิม วิวแม่น้ำสวยมากเลยครับ สำหรับวันนี้ แสงสวย เมฆใสมาก พระจันทร์ก็สวยมาก ๆ ... พวกเราเดินมาในจุดที่สวยมาก ๆ ๆ จุดนึงเลย เลยได้ โอกาสถ่ายรูปกัน ได้รูปวิวสวยๆมาเยอะเลยทีเดียว และตอนท้าย ทริปที่ ปิติเป็น ผู้นำทริป และสนุกมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...
พวกเราเลยขอปิดทริปด้วย .. รูปสวยๆ ของแก๊งค์พวกเรา ((ส่วนวันพรุ่งนี้ จะเป็น mini trip ก่อนกลับแล้วหล่ะครับ))



จะจบทริปแล้ว ... แก๊งค์พวกเรา คราวหน้ามาอีกนะครับ
อยากมาอีกมาก ๆ ๆ ๆ กะพวกมึง วันนี้ เต้ยบอก เต้ยไม่มาแล้ว (อิอิอิ)