DAY3 Tokyo Japan
Tokyo, Japan trip, DAY 3 : Tsukiji Hongan-ji, Meiji Shrine รักนะ Harajuku, Shibuya และราเมนสุดยอด
หลังจากที่ตะลุย โตเกียวมาจะครึ่งนึงแล้ว ส่วนมากเป็น Landmark ที่เราต้องไปเกือบทั้งหมด วันนี้เรามาตะลุยส่วนที่เหลือกันดีกว่า ... วันนี้เราตื่นเช้ากว่าทุกวัน อากาศก็หนาวกว่า 2 วันที่ผ่านมาด้วย ... ที่แรกของวันนี้ที่เราจะไปคือ "ตลาดปลา" เย้ เย้ จะได้ กินซูชิแล้วหล่ะวันนี้
สถานีที่เราต้องไปลงกันวันนี้คือ Tsukiji Station ครับ เราออกมาแล้วก็มุ่งหน้าไปตลาดปลาเลย ...
พอมาถึงตลาดปลา Tkukiji แล้ว เราก็เดินดูตลาดปลาด้านนอกก่อน เราพบกันพวกอาหารแห้ง อุปกรณ์ทำครัวทุกอย่างเลย แต่ที่ผมประทับใจมากสุดคงเป็นร้านมีดอ่ะครับ เหมือนที่เคยอ่านการ์ตูนเรื่อง Toriko เลย ที่มีร้านมีดสำหรับแล่ปลาหลายๆชนิดมากมาย หลังจากที่เดินในตลาดที่เป็นส่วนด้านนอกแล้ว ผมก็เดินไปหา Information เพื่อไปหาร้านในตำนาน Sushi Dai มาถึงที่ร้าน คนแน่นมาก ๆ ... เลยอ่ะครับ
ต้นวาซาบิ น้องพลอยไม่เคยเห็น ผมเลยชี้ให้น้องพลอยดู ... ผมคิดในหัวอยู่ว่า ถ้ากัดแล้วเคี้ยวกรุ๊บๆจะเป็นไง ? |
คิวหน้าร้านแน่นมาก ๆ ... Sushi Dai ที่ขึ้นชื่อ ฮ่า ๆๆ ครั้งหน้าจะกลับมาใหม่ |
หลังจาก Sushi Dai พวกเราก็เดินหน้าไปที่ ตลาดปลา Tsukiji เลยอ่ะครับ ระหว่างที่เราเดินในตลาดปลา ก็พบกับปลาแปลกๆเยอะแยะไปหมดเลย สภาพตลาดก็ไม่สกปรกเลยนะครับ ทุกๆร้านทำความสะอาดร้านตัวเองตลอดเวลาเลย วิธีการแล่ปลาแต่ละชนิดก็แปลกตามากๆเลยอ่ะครับ เห็นแล้วผมก็อยากกินมันทุกตัวเลย ... ดูภาพที่เก็บมาอวดกันเองแล้วกันนะครับ ฮ่า ๆๆๆ ...
ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าตลาดปลาแล้ว วันนี้จะได้เจอปลาอะไรบ้างนะ? |
ตัวอะไรไม่รู้ แต่ท่าทางน่าอร่อยอ่ะ แหะ ๆๆๆ ... อยากกินมาก ๆๆๆๆๆ .... |
King Crab ค่อยก่อนนะ จะไปกินให้ได้ ปล. เล็งๆว่าจะไปกินที่แถวๆเมืองไทยอยู่ |
หลังจากที่อิ่มเอมกับ ตลาดปลา Tsukiji แล้ว พวกเราเองก็เริ่มหิวอีกแล้วอ่ะ ปลาดิบ ซูชิ ปลาดิบ ซูชิ พวกเราก็เดินมาที่ ศาลเจ้าแถวๆนั้นแป๊ปนึงเพื่อไหว้พระ ถ่ายภาพด้วย หลังจากนั้นก็เดินไปหลังตลาดเรื่อยๆ แล้วก็ ปิ๊งกับร้านๆ นึงที่อยากเข้าไปกิน ปลาดิบซะหน่อย
ผมเองก้็ำไม่ได้ว่า ร้านนี้ชื่อร้านอะไรนะครับ รู้สึกเหมือนว่าหลงเข้ามาด้วยแหละ แต่มื้อนี้ อาช้างจะเป็นคนเลี้ยงแหละ พวกเราเลยสั่งกันกระจุยมากๆ (ตอนแรกสั่งมานิดหน่อย เพราะคิดว่ามันน่าจะเยอะ) แต่ที่ไหนได้ ... ฮ่า ๆๆ น้อยกว่าที่คิดเยอะเลย ...
ก็เลยสั่งมาอีก สั่งมาเรื่อยๆ ... จนในที่สุดก็เต็มโต๊ะไปหมดเลยอ่ะครับ ... ของที่สั่งก็ จิ้มๆเอา ใจจริงผมอยากนั่งที่หน้า เคาเตอร์เลยนะครับ แต่ ด้วยความที่ว่าเรามากันเยอะไปหน่อย เลยนั่งไม่ได้ ก็เลยต้องเดินมาที่ชั้นสองแทน พวกเราลองทุกอย่างที่ลองได้ ทั้ง ปลาดิบ ไข่เม่น ทูน่า
อร่อยมากเลยอ่ะครับ (แต่ผมว่า ร้านญี่ปุ่นบ้างร้านในไทย อร่อยกว่าอีกนะครับ) ไว้พาพ่อแม่ไปกินดีก่า ...
ขากลับ ก่อนที่จะไป Landmark ถัดไป พวกเราแวะที่ Tsukiji Hongan-ji เป็นวัดที่ใหญ่ๆมาก เมื่อพวกเราเข้าไป ก็พบชาวฐี่ปุ่นกลุ่มนึงกำลังสวดมนต์กันอยู่ ทุกอย่างภายในสงบมากเลย ผมชอบนะ ผมอยู่ภายในได้สักพัก แม่กับกรรณ ยังเดินเล่นอยู่ ผมก็เดินออกรอด้านนอกระหว่างรอ ผมเจอร้านกาแฟ น่ารักๆอยู่ร้านนึงอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ... อากาศวันนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะเดินเข้าไปนั่ง จิบกาแฟที่ร้านนี้มากๆเลย
ร้านน่ารัก มี สองชั้น มองเห็นผู้คนเดินไปเดินมาตามทางเท้า ... ผมหลงรักร้านกาแฟแบบนี้จริงๆ
นี่แหละครับ ร้านที่ว่า ... ใครมีโอกาสช่วยไปนั่งจิบกาแฟแทนผมทีนะครับ
หลังจากที่ทุกคนพร้อมแล้ว พวกเรามุ่งหน้าไปที่ถัดไป นั้นคือ Meiji Shrine ครับ พวกเรามาถึงที่ Meiji Shrine สายๆ ครับ ผมตกลงจะแยกกันเดินกับอาครับ ผมมากับแม่และน้องกรรณ ... ระวังทางที่ต้องเดินเข้าไปในวัดนั้น เงียบมาก ก ก ก ก ... ผิดกับด้านนอก ต้นไม้ใหญ่ๆ เต็มไปหมด จนทำให้ผมลืมความวุ่นวายด้านนอก ที่เป็น โตเกียวไปเลย
ผมเดินไปเรื่อยๆ จนถึงตัววัดด้านใน ... ตอนที่จะเดินเข้าประตูไปนั้นผมก็พบกับที่ขายของที่ระลึกเป็น พวกเครื่องลาง ผมสนใจมากๆ เลย แต่ยั่งใจไว้ก่อน ค่อยมาดูอีกทีก็ได้
ถ่ายรูปหน้าวัดกับแม่ก่อน ... ฮ่า ๆๆ วันนี้อากาศหนาวๆ แต่ก็ต้องถ่ายภาพเก็บไว้หน่อย |
แม่ยิ้มหลั๊นล๊ามากมาย ฮ่า ๆๆๆ |
หลังจากผ่านประตูวัดเข้ามา ผมก็ต้องตื่นเต้นกับภาพตรงหน้า "พีธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น" อ่ะ ชอบอ่ะครับ ... รักเลย เวลาที่เห็นแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกว่าอยากแต่งงานแบบนี้จริงๆ ... ผมเองก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะครับ ว่าทำไม แต่รู้สึกได้ว่า ทุกคนตั้งใจทำให้พีธีการนี้ผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ...
พีธีการเริ่มจากการเดินเป็นแถว (เข้าใจว่าแบบเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว) ... แล้วก็มี การพูดอะไรกันด้วยอ่ะ ... สุดท้ายก็ไปจบที่การถ่ายรูปหมู่ ปิ๊งอ่ะ ชอบมาก ก ก ก ...
หลังจากที่อิ่มเอมกับทุกๆอย่างแล้ว ทั้งบรรยากาศ ทั้ง ... ของที่ระลึก (เครื่องลาง) ผมก็ออกมาเจออาๆ และพร้อมกับการตะลุย Harjuku เย้ ... แหล่งช้อปปิ้งวัยรุ่น โย่ ผมบอกครอบครัวว่า เราแยกกันเดิน แล้ว อีกประมาณ 2 ชม. มาเจอกันที่หน้า สถานีรถไฟนะครับ ...
ผมไปเดินกับแม่และกรรณ ... ร้านแรกที่ผมเข้าไป คือ Moji ที่น้องกรรณบอกว่ามันถูกกว่าที่เมืองไทย ผมได้ ที่หนีบปากาก ได้ คัตเตอร์ กับของจุ๊กๆจิ๊กๆอีกนิดหน่อย ... แล้วพวกเราก็เดินดูร้านค้า เสื้อผ้าวัยรุ่นกัน ... ดูงาน Art เพราะว่ามีร้านมาแสดงโชว์เยอะแยะเลย
เงาะเฟี้ยวมาก ๆ ... ฮ่า ๆๆ #GAP |
และสุดท้ายผมก็ได้กลับมาที่บ้านเกิด Rilakkuma Shop ฮ่า ๆๆ ... รักจริงๆ ได้หมีขี้เกียจเนี๊ยะ ร้านนี้เป็นร้านที่ 3 แล้วที่ผมได้มีโอกาสแวะมาดูของ แต่ผมก็ยังซื้อไม่ลงอยู่ดีนะ เพราะว่ารู้สึกว่าราคามันแพง พอได้เวลานัดผมก็เดินกลับไปเจอคุณอาที่สถานีรถไฟ ...
จุดหมายที่เราจะไปถัดไป คือ Shibuya ครับ ตอนที่เดินไปที่ สถานีรถไฟ พวกเราเจอ ฝรั่ง 2 คน กำลังหลงทางด้วย น้องกรรณ ก็เลยทำหน้าที่เข้าไปช่วยนำทาง บอกว่าต้องไปทางไหนยังไง ... อิอิ ... (น่ารักด้วย) เอาหล่ะ พวกเราต้องมุ่งหน้าไปที่ ชิบุยะแล้วหล่ะครับ ...
เมื่อมาถึง ชิบุยะ สิ่งแรกที่ผมเจอ คือ คน คน และ คน ... คนเยอะมาก ผมก้ไม่ค่อยเข้าใจนะครับว่าทำไม คนถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ฮ่า ๆ ... แต่มันก็ต้องมาจริงไหม?
สิ่งที่ผมคิดไว้ว่าต้องทำเมื่อมาถึง ชิบุยะ ... มีสองอย่างที่ผมคิดไว้
1. ถ่ายรูปกับ ฮะจิ
2. เดินข้ามถนนไปไปมามา ฮ่าๆๆ
แม่ค่อยคิดเหมือนผม ชิงตัดหน้าถ่ายรูปไปก่อน สำหรับ ฮะจิ ผมผิดหวังนิดหน่อย เพราะมันกลายเป็น ที่สูบบุหรี่ไปแล้ว (ตามคำบอกเล่า ก่อนที่ผมจะไป ญี่ปุ่น) แต่ผมก็พยายามหามุมและเวลาที่ไม่มีคนอยู่นะ ฮ่า ๆๆๆ
พวกเราตกลงแยกกันเดินเช่นเดิมครับ ... ผมมากับแม่ เรามุ่งหน้าข้ามถนนกันก่อน เลย (ดีใจมาก) ข้ามไปข้ามมา ส่วนกรรณ มุ่งหน้าไปจุดชมวิว (Starbucks) ผมเดินเล่นกับแม่ไปยังร้านค้าต่างๆ ... ถ่ายรูป กิน Mc' ด้วยนะ ฮ่า ๆๆๆ พอเดินจนไม่ไหวแล้ว เราก็ไปหาน้องกรรณที่ Starbucks เพราะว่า อากาศเริ่มหนาวมากๆ แล้ว ... ที่ Starbucks คนแน่นมากครับ ...
โชคดีที่กรรณได้ที่นั่งริมหน้าต่าง ทำให้ผมเห็นคนเดินไปเดินมาก เต็มถนนเลย
ชอบวิวแบบนี้จริงๆเลยอ่ะ (เสียดายคนเยอะไปมากๆ)
หล่อเน่อะ อิอิ |
แม่ยังไหวอยู่ ... แม่บอก (แต่ผมว่า ขาแข้งคงปวดกระจุยแล้วหล่ะ) |
พอได้เวลานัด น้องพลอยกับ อาช้างก็มารอแล้ว น้องพลอยเอารองเท้าใหม่มาอวดก่อนเลย ฮ่า ๆๆ ... แล้วก็เป็น Convert ที่เก๋มากๆ มีเส้นผูกสองสีด้วย เท่ห์ไม่หยอกเลย
เมื่อขึ้น Metro มาถึงที่ Shinjuku แล้ว พวกผมกรรณ ออกไปถามเรื่องตั๋วรถไฟไป Kamakura แต่เหมือนวันนี้โชคไม่เข้าข้าง เหมือนพวกเราจะหา Information ไม่ได้เลย แถวเรื่อง NEX เราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะเอายังไงกับมัน มีรถไฟเที่ยวไหน ถึงจะไปที่สนามบินได้ ??? ... แต่ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาอีกวันเน่อะ ...
เหนื่อย ....
เหนื่อยกันแล้วใช่ไหม? หิวกันแล้วสินะ อืม วันนี้กลับไปทานราเมนแถวๆ โรงแรมแล้วกันเน่อะ เพราะผมรู้ว่าวันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว และอากาศก็หนาวมากด้วย สุดท้ายเราก็กลับไปที่ ชินจุกุแล้วก็เดินหาร้านอาหารเพื่อให้กินกัน ... และแล้วผมก็เจอร้านที่มีไฟแว้ปๆ ... เข้าตา (มันคือร้านใน google map)
ทุกคนหิวกันมาก จึงรีบสั่งแล้วก็เข้าร้านไปนั่งกินกัน ... อยากบอกว่าระหว่างกินไป น้ำตาแทบไหล อร่อยมาก ก ก ก ก ก... คงบวกกับอากาศที่หนาวเย็นด้วยมั๊ง มันเลยทำให้ ราเมนชามนี้อร่อยกว่า ปกติ ... ผมคิดกับตัวเองเลยอ่ะว่า ... "สักวันต้องกลับไปโดนร้านนี้อีกให้ได้) ....
หลังจากที่ ทุกคนเข้า โรงแรมไปแล้ว กรรณ กับผมออกจากโรงแรม เพื่อไปตามหา ซื้อ ตุ๊กตาให้เพื่อนน้องกรรณ จึงตัดสินใจไปที่ Tokyo Station ซึ่งมีคนบอกผมว่ามีของขายเยอะแยะเลย ... เมื่อไปถึงผมก็ถึงกับงงเลย ข้างบนสถานีไม่มีอะไรเลยอ่ะ ??? ...
กรรณกับผมจึงตัดสินใจ มุดลงไปใต้ดิน เผื่อวานจะมีร้านค้า และแล้วมันก็มีจริงๆด้วย มีตุ๊กตา มีขนม มีอะไรเยอะแยะไปหมดเลย ... แต่พวกเราก็ต้องเร่งๆเดิน เพราะว่า ร้านค้ามันจะปิดตอน 21:00 ผมกับกรรณ จึงคุยกันว่า ไว้เรามาใหม่ พรุ่งนี้ พา แก๊งค์มาด้วย จะได้ซื้อของฝาก ...
พวกเรากลับโรงแรมด้วยความเหนื่อยมาก ๆ
คืนนี้ผมอาบน้ำอุ่น ขาแข้งจะได้มีแรงสำหรับพรุ่งนี้ ... Good Night นะ โตเกียว
No comments:
Post a Comment