Saturday, May 11, 2013

Tokyo, Japan trip, DAY 1 : Go to Tokyo with my family

DAY1 Tokyo Japan 

Tokyo, Japan trip, DAY 1 : Go to Tokyo with my family

Tokyo Trip นี้เป็น Trip ที่ไม่มีความมั่นใจในการนำพาครอบครัวไปเที่ยวเลยจริงๆ (สาธุ) เพราะว่า ญี่ปุ่นสำหรับผมแล้วเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ อีกทั้งยังไม่มีเวลาในการศึกษาทำข้อมูลมากนักอย่างมากก็ได้แต่อ่าน Review ตาม Pantip.com กับ เว็ปอื่นๆ ทั่วๆไป แต่เอาว่ะ ไหนๆก็ไหนๆ ต้องไปแล้วนิ ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ... เน้นพกเงินไปเยอะๆหน่อยแล้วกัน

เก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไป สุวรรณภูมิเลยแล้วกัน ... ปุ่นๆๆๆ


การเดินทางเริ่มแล้ว ... ขาไปผมต้องไป Transit เครื่องที่ Ho Chi Minh ก่อนต้องไปรอที่นี่ตั้ง 3 ชม. แน่ะครับ ระหว่างรอก็ เซ็งอย่างบอกไม่ถูก เพราะสนามบินกระจอกกว่า สุวรรณภูมิมมาก ... แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่มีปลั๊กไฟ (อาจจะมีแต่หายากมาก) ห่วงไฟฟ้ากันมากๆ ทั้งประเทศไทยและเวียดนาม ... ฮ่า ๆๆ Wifi/Internet ไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่มี!!!  ระหว่างนี้ผมนอนไม่หลับ ได้แต่เดินไปเดินมารอบๆ สนามบิน ก็รู้นะครับว่าควรนอนซะหน่อยก่อนไปถึงญี่ปุ่น เพราะว่า ผมจะต้องไปถึง ญี่ปุ่นประมาณ 8-9 โมงเช้า แต่มันนอนไม่หลับจริงๆ



สภาพสนามบินไก่กามากมาย ... เห็นเครื่องบินการบินไทยก็อุ่นใจนิดๆ


ในที่สุดก็ได้เวลาออกจาก Ho Chi Minh ครับ ต้องอยู่บนเครื่องอีก 4-5 ชม. ก็จะถึง นาาริตะแล้ว ... ผมก็อาศัยชั่วเวลานี้งีบไปนิดนึง ... ใกล้เวลาแล้วสินะ ญี่ปุ่น ... 

Tokoy, Japan ในที่สุดก็มาถึงนาริตะ ... ญี่ปุ่นนี่คงเป็นครั้งที่ 5-6 ที่ได้เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น แต่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาใน ญี่ปุ่น ... Narita Airport ก็ยังเป็นสนามบินที่น่ารักเช่นเดิม เหมือนวันแรกที่ผมเคยมาเหยียบที่นี่ ... เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน 

ครอบครัวและผมผ่าน ตม. เข้ามาได้ครบ กระเป๋าครบ ... เดินออกมาจาก Gate ผู้โดยสารขาเข้ากันพร้อมทุกคน ... (เย้) ตอนนี้ทุกคนดูตื่นเต้นมากๆ อาผมออกไปสูบบุหรี่ แม่น้องสาวและอาผู้หญิงเดินดู ถ่ายรูปสนามบิน ผมกับน้องเดินไปจัดการเรื่อง Wifi Portable (LTE) ก่อน
*ข้อแนะนำ* ผมเป็นคนนึงที่เปิด โรมิ่งมาจากประเทศไทยครับ ดันเปิดมาก่อน แล้วเพิ่งมารู้จากเพื่อนครับว่าที่ สนามบิน นาริตะ มีบริการให้เช่า 4G LTE ด้วย (โง่ไปหนึ่งดอก)

น้องขายและผม ตกลงเช่าเครื่องและทำประกัน ตกแล้วเฉลี่ยวันล่ะ 600 กว่าบาทได้ครับ สภาพเครื่องดีมาก แบตฯอึด(จากการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10-11ชั่วโมง)




หลังจากที่ทุกคนจัดการธุระเล็กๆน้อยๆเรียบร้อยแล้ว ทั้งสูบบุหรี่ เข้าห้องน้ำ ต่ออินเตอร์เน็ต คราวนี้ ภาระเริ่มมาแล้ว จาก นาริตะเราจะเข้าเมืองโตเกียวไงว่ะ มีหลายกระแสมากๆ ... เพื่อนบอกซื้อ ซุยก้า อ้าวห่าแล้วแม่งคืออะไรว่ะ ? ผมตัดสินใจเดินไปถามที่ Bus Office ก่อน ได้ความว่า
"ให้ลงไปซื้อตั๋ว รถไฟใต้ดินข้างล่าง"

OK เดินลงบันไดเลื่อนไปซื้อตั๋วรถไฟก่อน เดินงงอยู่กลางดง ที่ขายตั๋ว สุดท้ายตัดสินใจมั่วๆกับน้องชายไปที่ Ticket Office อันนึง เพราะเห็นมีคำว่า ซุยก้า พูดคุยกับพนักงานได้ความว่า "ควรซื้อตั๋ว NEX แบบ Round Trip ครับ" คือตั๋วไป-กลับ ราคาอยู่ที่ 5,500 ¥ พนักงานจะขอ Passport เราไป เพื่อดูด้วยว่าเราเป็น นักท่องเที่ยวจริงๆ ... สุดท้าย คุณพนักงาน ก็แจ้งว่านอกจาก NEX แล้ว เรายังได้ Suica พร้อมเงินในบัตรอีก 1,500 ¥ ด้วยนะครับ ... แป๋วมาก ๆ ...

สรุป
NEX One Trip = 3,300¥
NEX Round Trip = 5,500¥ + Suica Card 1,500¥
Suica = บัตรเงินสด ใช้แทนเงินสดได้ครับ พวกขึ้นรถไฟ ซื้อน้ำกระป๋อง 7-11  อะไรพวกนี้
Trick&Tip : ที่ NEX บัตรที่ได้มาจะได้มา 2 ใบนะครับ ใบนึงขาไป จะมีเลขตู้ + ที่นั่งในบัตร อีกใบเอาไปแลกเป็นบัตรขากลับนะครับ จะอธิบายอีกทีวันที่น้องชายไปแลกแล้วกัน
ปล. ผมเข้าใจว่า จริงๆ สามารถเลือกไป JR ก็ได้นะครับ ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม?

NEX เป็นรถไฟฟ้า ที่เหมือนๆ (คล้ายป่าวว่ะ) Airport Link บ้านเรา แต่แหล่มกว่า(เยอะ)
น้องชายกำลังเล็งน้ำว่าจะถอยน้ำอะไรดี เหอะๆ ... เอาแปลกๆเลยไอ้น้องชาย ...


แม่ดูหมดพลัง ดูเนืองๆไปเหมือนกัน ... คาดว่าคงอดหลับ อดนอนมาพอสมมควร ...
โอเค พวกเราหลังจากได้ NEX แล้ว เราก็เดินลงมาที่ สถานีรถไฟกัน ซึ่งไม่ไกลมาก ขั้นตอนการใส่บัตรผ่านประตู จะเป็นแบบ ดูดบัตรมาแล้วปลิ้นบัตรไปอีกทางนึงให้เราเก็บบัตรไว้นะเธอ ...  และจากข้อมูลเท่าที่เราทราบนั้น NEX (Narita Express) จะจอด สถานีในเมืองอยู่ 2 สถานี คือ โตเกียว และ ชินจูกุ (ซึ่งพวกเราเลือกไปที่ ชินจุกุ) ... 

พอรถไฟมาถึงสถานี พวกแม่ๆอาๆ รวมทั้งผมด้วยก็ตื่นเต้นเล็กๆ เพราะว่า "เบาะรถไฟ แม่งหมุนกลับด้านได้" inw ญี่ปุ่นมาก ฮ่า ๆๆ ... หลังจากที่เล็งๆหาตู้ก็ขึ้นไปพร้อมกันๆ พร้อมกัน กระแดะเล็กๆ ขอลองล๊อคกระเป๋ากับที่เก็บกระเป๋าหน่อยจิ ... บนรถไฟที่ล๊อคกระเป๋าดีมาากครับ หลักการง่ายๆ เปิดเอา ที่เป็นคล้ายๆ สายโทรศัพท์ออกจากที่ล๊อค คล้องกับกระเป๋าไว้ แล้วก็เอากลับไปล๊อก ใส่รหัสแล้วหมุนตัวหมุน เป็นอันจบ (เวลาเอาออกก็หมุนรหัส มันก็จะถอดออกได้) ง่ายโพ้ดๆ

ล๊อคกระเป๋าแล้วจ๋า

ระหว่างเดินทางบนรถไฟ เจอคนไทยด้วย อิอิ 
ระหว่างที่นั่งอยู่พวกเราสนุกกับวิวข้างทางมากๆ อา แม่ หลับบ้างเป็นช่วงๆ และยังตื่นเต้นกับห้องน้ำในรถไฟด้วย ... ผมเริ่ม Set อุปกรณ์ทุกสิ่งให้ ต่อกับ Wifi มีอัพเดท facebook/Twitter ตามภาษา รอจนในที่สุดก็มาถึง ชินจูกุ
แอบดีใจเล็กๆ ที่มาถึงจนได้ ... (จากข้อมูลที่แม่งมั่วมาก) ฮ่าๆๆ
อุปกรณ์ที่ครอบครัวและผมพกมาได้แก่:-
  • Note 10.1
  • iPhone4
  • HTC
  • Galaxy S3mini
  • Tab 8"
  • Samsung Grand

Digital มากๆ ครอบครัวนี้
ถึงแล้วจ้า Shunjuku พอมาถึง คนเยอะมาก ก ก ก ก ก ก ก ... มากไปไหม? พวกเราเริ่มขยับเดินๆ เดาทางมั่วมาก ไม่รู้ทิศเลยว่าต้องออกทางไหน ขนาด Set Note10.1 แล้วให้พาไปหน่อย แต่เหมือนยังงงๆ มั่วๆอยู่ สุดท้ายผมพาทีมและครอบครัว เดินอ้อมไปอ้อมมาอยู่สักพักนึงเห็นจะได้ ออกเหนือ ทะลุใต้มั่วตั้วมาก ก ก ก ... แต่ผมก็ขอบคุณ google map นะที่ช่วยผมได้เยอะเลย

จนในที่สุดผมก็กำหนดทิศได้แล้วครับ ปิ๊งๆๆๆ
มุ่งหน้าไปโรงแรมโลด พี่น้อง





ระยะทางจาก ชินจูกุไป โรงแรมนั้น วัดระยะจริงๆได้ประมาณ 800m เอง นะครับ แต่ผมพาเดินไปเดินมา ปาไป 1.2km ฮ่า ๆ ลากกระเป๋าไปด้วย งงไปด้วย เพลินเลย ใช้เวลาเล่นเล่น (ถือว่าเดินเล่นแล้วกัน) ไป เกือบๆ 30 นาที และในที่สุดก็ เดินทะลุ ชินจูกุมาถึง โรงแรมจนได้ เย้ (ครั้งที่ 2)



โรงแรมที่ผมพักมีข้อมูลตามนี้เลยครับ
Hotel Villa Fontaine Shinjuku
2−40−9 Kabukicho Shinjuku, Tokyo 160-0021, Japan tel. 03-5292-3330


มาถึงโรงแรมพวกเราก็ เข้าไปเพื่อจะ check-in แต่พนักงานแจ้งว่าจะ check-in ได้ตอน 15:00 เอาล่ะสิ ซึ่งจริงๆ ผมก็คิดเอาไว้แล้วเหมือนกัน ก็เลยถามว่า แถวๆ นี้มี ร้านอาหารหรืออะไรเที่ยวไหมครับ ? พนักงานก็แนะนำว่า
"อ้อ แถวนี้เป็น Korean Town นะเดินเที่ยวได้เลย"
"คือ อ อ อ อ มาญี่ปุ่น ไม่ได้อยากไป เกาหลีนะจ๊ะ" (คิดในใจ ฮ่าๆๆ)

inw Google Map ช่วยด้วย
google ดูเลยว่าเที่ยวไหนได้บ้าง สรุป google พาพวกเราไป วัด เออ ในใจ คิดว่าก็ดี ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยก่อนแล้วกัน จะได้ มีบุญ เที่ยวได้สนุกๆ ... ฮ่าๆๆๆ



ระหว่างการเดินทางจากโรงแรมมาที่วัด อะไรก็ไม่รู้ google มาได้ชื่อว่า Hanazono Shrine อา น้องสาว แม่ น้องชายและผมก็เดินชิวๆ อากาศที่นี้กำลังสบายเลย ในที่สุดก็มาถึงวัด (แอบดีใจอีกแล้ว ที่ได้เห็น เสาสีแงดโตๆ) ผมดีใจมากเลยที่ได้เห็น เสาสีแดงโตๆ ที่ปกติผมจะเห็นแต่ในการ์ตูน มันเหมือนผมได้เข้าไปใน การ์ตูนที่เคยอ่านมาตั้งแต่เด็กๆเลยอ่ะครับ

ตื่นเต้นมากๆ


พวกเราทุกคนเดินเล่น ไหว้พระในบริเวณวัด เก้ๆกั้งๆ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรอย่างไร จนมีคนญี่ปุ่นเป็น ผู้ชาย ใส่สูทเดินมาสอนผม ... เรื่องแรกเลยคือ เรื่องล้างมือ เค้าบอกคร่าวๆให้ ผมล้างมือทั้งสองข้าง แล้วก็ให้ล้างปากด้วย แต่ไม่ให้ปากโดนกระบวยตักน้ำ และน้ำไม่ไหลกลับไปที่บ่อน้ำ ...
*Trick&Tip* การไหว้พระแบบญี่ปุ่น อ่านเพิ่มนะ 



วัดสวยจังเลย ชอบอ่ะครับ ... ปิ๊งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ... 
ผมเดาว่า เหมือนที่อ่านการ์ตูนมา มันน่าจะเป็นใบเซี่ยมซีที่โชคไม่ดี
 แล้ว เค้าเอามาผูกไว้ที่ไหว้ แน่เลย

ถ่ายรูปกะแม่หน่อย via iGunn น้องชายถ่ายให้

 


หลังจากที่สำราญกันแล้ว พวกเราก็เริ่มหิวแล้วอ่ะจิ จำได้ว่า มื้อสุดท้ายก็ บนเครื่องบินนู้นแหละ เดินหาอะไรกินกันแล้วกันนะครับ ... มั่วๆ เดินเจอร้านไหนก็กินร้านนั้นเลยแล้วกัน ...

ความเครียดเริ่มมาแล้ว จำได้ว่า เพื่อนบอกแม่งง่ายๆ กดปุ่มๆเอา ... มันจะง่ายแบบนั้นไหมว่ะ ?
ระหว่างทางพวกเราก็เดินมาที่กลางสี่แยก เจอร้านราเมงด่วน จัดร้านนี่แล้วกัน

ระหว่างนั้น เราจะกินอะไรดี พวกเรายืนกันอยู่หน้าร้าน ระหว่างที่อาๆกำลังเลือกเมนู (ภาษาญี่ปุ่นอ่ะ) ผมก็ดูๆ คนที่เดินมากดตู้ "ทำไงว่ะ" อ้อๆ ...
วิธีการที่คิดได้ในหัว ณ ตอนนั้น
  1. เล็งเมนูก่อน สังเกตจากราคาสินะ ... ถ้าเอา 400¥ ก็ต้องเล็ง 400¥
  2. หยอดเงิน อ้อ เหรียญได้ แบงค์ได้ไม่เกิน 1,000¥ อ้อๆ
  3. แล้วจะมีบัตรเล็กๆออกมา อ้อๆ ... อ้อๆๆ
  4. แล้วก็เอาไปให้ที่ พ่อครัว อ่อๆ ... แบบนี้เอง 
จัดไปพี่น้อง
อา น้องสาว น้องชาย แม่ กดแหลก ผมก็กดด้วย 
เข้าไปถึง Step 4. พบว่า มันมี Step เพิ่ม ชิป!!!

ตอนที่ พ่อครัวเรียก "แล้วผมจะรู้ไหมอ่ะ รู้ได้ไงอ่ะ ว่าเรียกตู" 
*Trick&Tip* ตอนที่บัตรหล่นมา จำเลขของบัตรไว้ด้วยนะ มันเป็น บัตรคิวอ่ะ ผมโง่เองครั้งแรกไม่ได้จำ ฮ่า ๆๆๆๆ

แต่สุดท้ายก็ได้กินนะ ฮ่า ๆๆ 


จังหวะนี่แหละ เล็งเมนู ดูราคา หึหึหึ ไม่น่าพลาดนะเรา





ราเมน น่าจะเป็น เส้นอุด้งกับ เทมปุระกุ้งเน่อะ ก็ อร่อยนะ
ผมชอบเส้นอ่ะ แต่ก็ไม่ได้ inw อะไรมากมาย
สุดท้ายหลังจากที่พ่อครัวเรียกผมแล้ว (สังเกตจากการกวักมือ) สิ่งที่เราต้องทำต่อคือกระจายตัวกันนั่งกินครับ ผมเลือกวิวข้างถนน ระหว่างกินนั้น ข้างๆผมเป็นชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งเอาราเมนมาว่างเหมือนกัน โอ๊ยสุดยอดมาก พี่แก่ กินราเมนร้อนๆ หมดไปแล้วอย่างเร็ว ในขณะที่ผมเพิ่งหมดไป แค่ 40% เท่านั้น แต่ ซดน้ำอย่างดัง ... เฮ้ยไม่ได้ไม่ยอม

ผมซู้ดดังด้วย ฮ่า ๆๆ
ลวกปากว่ะ!!!!

สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ต่อนักกินชาวอาทิตย์อุทัยไป 1:0

*Trick&Tip* หลังจากที่ทานเสร็จแล้วอย่าลืมเอาจานไปคืนด้วยนะครับ ... อ้อ อีกอย่างมีผ้าขาวๆวางที่โต๊ะ มันคือผ้าเอาไว้ให้เราเช็คโต๊ะได้นะครับ อันนี้น้องชายแม่ สังเกตแล้วเอามาบอกผมอีกที

หลังจากอิ่มแล้ว ก็มุ่งหน้าไป ที่เที่ยวต่อไปโล๊ดๆ
จุดหมายถัดไปของเราคือสวยครับ (บอกตรงๆ ผิดจากโปรแกรมที่ว่างไว้มากมาย)
สวนที่ผมและครอบครัวมาคือ Shinjuku Gyoen Park เป็นสวนกว้างๆ ใน ชินจูกุ เลยนะครับ มาก็ไม่ได้ คาดหวังอะไรมากหรอกครับ ก็อยากพา ครอบครัวมาเดินเล่นชิวชิวก่อน


เด็กนักเรียนตัวน้อยมา ทัศนศึกษา แม่ผมชอบมาก ก ก แม่บอก "น่ารักจังเลย"




มาถึงพวกเราก็ เสียค่าเข้าชมสวนกันนิดหน่อยครับ ... ระหว่างทางที่เข้าสวน ก็อย่างที่บอกว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะตั้งแต่ก่อนมาแล้ว รู้ว่า "ซากุระ" มาบานไปแล้ว และคิดว่าน่าจะร่วงไปแล้วด้วย แต่ ก็นะ ญี่ปุ่นนี่มี Surprise ตลอดเวลา ... ผมยังมีโชคดีอีกนิดๆ ที่ได้เห็น ดอกซากุระ ถึงแม้ว่ามันกำลังจะโรยหมดต้นก็เถอะ ทำเอา อา น้องสาว แม่ ยิ้มไม่หุบเลย

หยิบกล้องมากดกันเพลินเลยทีเดียว

แม่จ๋า หัวยุ่งไปนะครับ ฮ่า ๆๆๆ ... ดีใจถึงขนาดเอาตัวไปเกลือกกลิ้งซากุระเลยทีเดียว



หลังจากดู ซากุระแล้ว นั่งพักนิดนึง พวกเราก็ เดินไปดูสวนเมืองร้อน ... ฮ่า ๆ แต่สวนนี้ ขอบอกเลยว่า พอเข้าไป รู้สึกสำนึกรักบ้านเกิดเลย ... ต้นไม้อะไร ต่ออะไรเหมือนที่บ้านเราเลยนี่น่า ฮ่า ๆๆ (จำลองมาจากไทยแน่ๆ) ฮ่า ๆๆ ... เดินออกดีกว่า มา ถ่ายรูปเล่นต่อ เพราะนี้ก็ใกล้จะ สามโมงแล้วด้วย ผมก็เล็งๆว่าจะพา ครอบครัวกลับไป โรงแรมแล้ว



ก่อนออกจากสวน เค้ามี นิทรรศกาารแสดง ซากุระ อาบอกว่าให้เดินเข้าไปดู พวกเราก็เลยแวะก่อนกลับ เดินไปดูรูปสวยๆที่ เค้าจัดแสดงไว้ ดีมากเลยอ่ะครับ ได้เห็นรูปดอกซากุระสวยๆเต็มไปหมดเลย 
ในใจคิดว่า ยังดีเนอะ ที่ได้เห็น แต่คราวหน้าไม่พลาดแน่ๆ ต้องกลับมาดูซากุระอีกให้ไป แน่นอน

ญี่ปุ่นเก๊าสัญญา

ระหว่างเดินทางกลับโรงแรม ก็มีแวะนั้นนู้นนี่นิดหน่อยก่อนจะกลับถึงโรงแรม
ผมได้กาแฟด้วยนะ ปิ๊งเลย




ระหว่างทางกลับโรงแรม แวะดื่มกาแฟหน่อย จืดๆ นมๆ สรุปก็ OK มั๊ง
พอพวกเรากลับมาถึงโรงแรม ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน นัดเจอกันอีกทีตอน 17:00 อาก็แยกๆกันไป แม่ก็แยกไป น้องชายกับผมก็มาที่ห้อง น้องชายหลับไปก่อนเลย ส่วนมา ชาร์ตแบตทุกสิ่งอย่างเตรียมตัวออกไปกินข้าว นั่งหาร้านอาหาร ที่น้องคนนึงแนะนำมา

กรรณ หมดแรง นอนหลับเอาแรงไปก่อนนะน้องชาย Z z z z z ....

ยามเย็นแถวๆ ชินจูกุ ผู้คนมากมายเดินไปเดินมา
เอาหล่ะ 17:00 แล้ว พวกเราทุกคนพร้อมแล้ว วันนี้ผมเลือกร้านตามที่น้อง แคทแนะนำ [] เป็นร้านที่ชื่อว่า Negishi หลังจากที่ google แล้วให้ google map พาเดินมาก็ถึง location แต่ ดันหาร้านไม่เจอ ... (ถึงบางอ้อ ว่า ร้านอยู่ชั้น 2 ครับ) ฮ่า ๆๆ OK มาถึงร้านแล้วก็สั่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...

อร่อยมาก ก ก ก โออิชิ สุดๆ ขอบคุณน้องแคทไว้ ณ ที่นี้ด้วย



อาหารเต็มโต๊ะไปเลย หม่ำ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ... คราวนี้ได้ลองเนื้อย่างแล้ว


หลังจากที่อิ่มแล้ว ผมก็ บอกอา แม่ น้องชายว่าวันนี้เหนื่อยแล้ว เที่ยวใกล้ๆ แล้วกัน พวกเราเลย ตกลงว่า จะเดินเล่นที่ชินจูกุกันก่อน ระหว่างเดินเล่นก็หลงแสงสีนะ ฮ่า ๆๆ ... แม่ อา ก็ช้อปปิ้งเพลินๆ เดินๆ วนไปวนมา ... สำรวจนู้นนี้นั้นไปเรื่อย ฮ่า ๆๆ ก็ สนุกดีครับ ชินจูกุ คนเยอะ ของช้อปก็เยอะ เพลินครับ สำหรับคนชอบช้อปปิ้งนะครับ




ถ่ายรูปกับน้องสาวซะหน่อยแล้วกัน เอาแถว ชินจูกุแหละ



ปิดท้ายด้วยรูปนี้แล้วกัน  ราตรีสวัสดิ์นะครับผม ... วันนี้เหนื่อยจริงๆ
หลังจากที่เดินเที่ยวกันพอตัว ช้อปปิ้งกันตัวเบา ก็พาทุกคนกลับโรงแรมดีกว่า ระหว่างทางก็ตื่นเต้นดีนะครับ เพราะมีคนมาชวนผมเข้าไปใช่บริการ Host ตลอดทางเลย ตื่นเต้น คึกคัก แต่ใจไม่ถึงอ่ะ ฮ่า ๆๆ สุดท้ายกลับมาโรงแรมได้อย่างปลอดภัย ไชโย อาบน้ำ เตรียมตัวนอนดีก่า ...

ก่อนนอนผมก็นั่งว่างแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ เอาว่ะ พรุ่งนี้ต้องไปตะลุย Subway ของ Tokyo ที่ขึ้นชื่อว่า ปราบเซียนขอลองดู ซักตั้งแล้วกัน ลาก ลาก map จำไว้ก่อน ด้วย google นี่แหละว่ะ พร้อม ...

เจอกัน Tokyo



No comments:

Post a Comment