Friday, June 3, 2011

London Trip Day5, Tower of London ปราสาท#inw

Wed,18May 2011
London I Love You.

หลังจากที่เมื่อคืนนี้นอนดึกมากๆ ... วันนี้เลยล่อซะสายเลยทีเดียว ปิติกับเราออกจากบ้านโบ๊ตตอนประมาณ 9:30 ได้มุ่งหน้าจากบ้านไป Tower of London

หลังจากหลับๆบน Tube ไปได้หน่อยนึงก็ถึง Tower of London เสียค่าเข้าชมไป 20ปอนด์ได้
Tower of London ยิ่งใหญ่ อลังฯ ดีแท้ สมแล้วที่เคยเป็น ราชวังเก่า ของ ราชวงศ์อังกฤษ ...
ปิติ ไกด์บอกว่า "ที่นี่ผีดุมาก"







สิงโตจำลอง สัตว์เลี้ยงประจำ พระราชวัง Tower of London
กับคำถามที่ว่า "คุณจะให้อะไรกับคนที่มีทุกอย่างแล้ว?"


บริเวณทางเข้า ... คนเยอะแยะมากมาย รอไกด์พาเข้าไปใน
Tower of London

ทหารจำลองที่ มีวางๆ ไว้รอบๆ Tower of London




White Tower เป็น ปราสาทกลาง Tower of London











พวกเราเริ่มเดินเข้าชมตอนเวลาประมาณ 10:30 ได้ที่นี่มีอะไรให้ศึกษามากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ของกษัตริย์ มีประวัติปราสาท นักรบ การหลบหนี การจองจำ และที่สำคัญยังมีมงกุฏที่มีเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และคฑาที่มีเพชรใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย

โชคดีมาก ที่มาที่นี่แล้วพอดี เค้ากำลังจะนิทรรศการ Fit for the King (read more...)

เป็น นิทรรศการ ชุดเกราะ ดูเพลินมาก ๆ ... ไม่เคยคิดเลยว่า จะมีการใส่ชุดเกราะของเด็กๆ ด้วย แปลว่า สมัยก่อน การออกรบเป็น สิ่งสำคัญ เจ้าชาย ที่ยังพระเยาว์ ก็คงต้องหัดใส่เกราะให้เคยชิน คุ้นเคย เพื่อต่อสู้แน่ๆ







ห้องโถงก่อนจะเดินทะลุไปเข้าโบสถ์ใน White Tower
เป็นโบสถ์ใน White Tower สวยงามมาก



เดินกันจนเพลิน นาฬิกาท้องร้องก็ดังขึ้น

ตอนเที่ยงพวกเราหิวกันมากๆ เลยแวะเข้าไปหาอะไรกินกันที่ Food court ข้างใน Tower of London อาหารก็อร่อยดี แต่ราคาก็แพงอยู่เหมือนกัน

พออิ่มพวกเราก็เดินกันต่อ ...

และเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น พวกเราเจอ บ.บู้ ด้วย รีบวิ่งเข้าไปขอถ่ายภาพแทบไม่ทัน อิอิ
คุ้มมาก บ.บู้มาดูแมนยูยกถ้วยแชมป์เหมือนเราอาจจะได้เจอกันในสนามอีกก็ได้เนอะ อิอิ คิดว่า


กว่าจะจบทริป Tower of London ก็ปาไป 3ชม.



บ.บู้ กับ Xpiti ที่ Tower of London



เป็น ห้องนักโทษพิเศษ ที่มีเงิน(รวย) ทำให้มีห้องของตัวเองได้ เฮ้ย!



เป็นที่ที่ เคยประหารกษัตริย์และราชินี ในสมัยก่อน







พวกเราเดินทางต่อไปที่ โบสถ์ Saint Paul's Church และ Millennium Bridge ด้วยรถเมล์
โบสถ์ Saint Paul's Church เป็นอะไรที่เราอยากดูมากที่สุด
เพราะว่าเราเคยดูสารคดีเกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ ดูแล้วสถาปนิคเค้าดูแลและเอาใจใส่กับทุกรายละเอียดมากๆ เราอึ้งกับหลายๆแนวคิดในการสร้างเลยมีเดียว
"อยากดูอ่ะปิติ"
ไกด์ปิติจัดให้



พอถึงเราก็เห็นถึงความอลังการงานสร้าง ตั้งแต่ข้างนอก ข้างใน สวยงามและยิ่งใหญ่ไปหมดเลย มองแล้วเหมือนเป็นวัดพระแก้วย่อส่วน (วัดพระแก้วเราแจ่มกว่าเยอะๆ) ผมชอบที่นี่มากๆเลยอ่ะ





Saint Paul's Church อยากมาที่สุด และคุ้นค่ามากที่อยากมา
เสียดาย ถ้ารวยกว่านี้สักหน่อย ก็อยากเข้าไปเดินชมข้างในมากๆ




มาถึงแล้ว Saint Paul's Church กอล์ฟมาถึงแล้ว 





ด้านหน้า Saint Paul's Church เป็นอะไรที่ สวยมากเลย ชอบๆ ...
หลังจากอิ่มจาก Saint Paul's Church แล้ว
ปิติยังพาผมไปเดินเล่นบน Millennium Bridge ทำให้ผมอินๆกับช่วงเวลาแห่งปี 2000ที่เคยเห็นจากทีวี ผมรักวันนี้จังเลย
((การเดินมั่วมา Millennium Bridge นั้น ปิติ ใช้ iPad2 นำทางอีกเช่นเดิม ... ))









สะพานที่อยากมาตั้งแต่ ปี 2000 แล้วอ่ะ มาวันนี้ เป็น สะพานคนข้ามที่
สวยไปอีกแบบนึงเลยทีเดียว






 

เทคโนโลยีช่วยให้โลกเราแคบลงเยอะเลย ไปไหนมาไหนกับ
แฟนเราที่ไหนก็ได้

หลังจากอิ่มจากการถ่ายรูป พวกเราสองคนก็แวะไป Portobello Market หรือตลาด Nothinghill มาถึงก็เห็นร้านค้ามากมายวางขายของอยู่ พวกเรามุ่งหน้าเข้าไปที่ร้านรองเท้าที่ชื่อว่า Office เพื่อตามล่าหา Onitsuka Tiger ตามที่ ปิติอยากได้ และตามหา ในที่สุดก็เจอ ถูกมากด้วย แต่ก็ชั่งใจไม่ได้ถอยออกมา ... เดินเล่นกับปิติจนเพลิน


ปิติและเราคิดกันว่า ... แถวๆนี้ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้มาวันเสาร์ ร้านคาก็ยังคงเปิดอยู่หลายร้าน ... คาดว่าวันเสาร์บรรยากาศคงมีผู้รนมากมายเป็นแน่
ขาเริ่มลากแล้ว เดินหา Tube ดีกว่าคราวนี้ผมกลายเป็นผู้นำทางด้วย iPhone บ้างเพราะเรากำลังจะมุ่งหน้าไปห้างดัง เพื่อหม่ำๆ ข้าวเย็นกัน ณ เพลานี้แหละ

เส้นทางที่เดินผ่าน เพื่อให้ถึง Tube นั้นเป็นถิ่นบ้านคนไฮโซอยู่กันเยอะมาก ดูจากรถและขนาดของบ้าน (งามมากๆเลย) เดินดูรถดูบ้านเพลินตามากมายเลยทีเดียว








บรรยากาศแถวนี้ มีร้านค้ามากมายทีเดียว น่าเดิน น่า shopping มากๆ

อ่านชื่อสถานีนี้แล้ว รู้สึกเหมือนเป็น พระเอกหนังเลย ... ฮ่าๆๆ

เดินกันจนขาลากทั้งเราและปิติ ในที่สุดก็เดินเลยไปจนถึง Westfield ห้างที่แม่งโคตรๆอลังการ ... เป็นห้างเดียวที่ปิด 3ทุ่มและใหญ่มากคล้ายๆพารากอนบ้านเรา
ไปถึง Westfield พวกเราก็หาของกินกันก่อนเติมพลัง ตกลงใจเป็นสปาเก็ตตี้+พลาสต้า และเค้กสองชิ้น ปิติดูท่าทางชอบจานพลาสต้าปลาเซลมอนของเรามาก

"ก็มันอร่อยจริงๆ แต่มันก็เยอะจนกินไม่หมดจริงๆนะ"

การซื้ออาหารที่นี่พอเราสั่งเสร็จเค้าจะให้อุปกรณ์สั่นๆ เพื่อแจ้งว่าอาหารทำเสร็จแล้วมาให้มาด้วย พออาหารเราเสร็จ เครื่องจะสั่นๆ ... เราก็เดินมารับอาหารที่ร้านได้เลย

เยี่ยมไหมหล่ะ?!!?





เครื่องสั่นเรียกเราไปรับข้าว ... นั่งรอแม่งสั่นอยู่เนี๊ยะ





ได้มีโอกาส เล็งๆ มองๆ Onitsuka Tiger ด้วยนะครับ

อิ่ม

พอหมดก็อิ่ม อิ่ม ... แล้วก็เดินเล่นๆ ตอนนี้ขาของปิติเริ่มแย่มากๆแล้ว เลยซื้อยาและที่รัดข้อเท้ามาใส่ก่อน ... ระหว่างที่ปิติกำลังใส่ที่รัดขาเราก็แวะไปถอย #Starbuck นี่งกินๆเป็น White Americanoพอปิติบอกว่า "เออพอไหว" พวกเราก็เริ่มเดินทางกลับบ้านดีกว่า





ไกด์พันขาแล้ว พร้อมเดินลุยอีกครั้ง (มั๊ง)

ก่อนกลับบ้าน ก็แวะซื้อเบียร์นิดหน่อย ... ที่ ร้าน เขียวๆ ตรงนี้แล้วก็นั่ง Tube ต่อรถเมล์กลับบ้าน ...

กลับมาถึง Canary Wharf เจอโบ๊ต(บังเอิญ) วิ่งมาหอบๆบอกว่าปลาลืมไปว่าไม่มีกุญแจ เข้าบ้านไม่ได้ โบ๊ตเลยต้องรีบวิ่งกับบ้าน เราก็เลยบอกว่า "เอากระเป๋าโน๊ตบุ๊คมาฝากพี่ไว้ก่อนดีกว่า" แล้วโบ๊ตก็วิ่งกลับบ้านอย่างเร็ว

กับข้าวฝีมือน้องปลาอีกแล้ว ฝากท้องครับ ฝากท้อง




วันนี้ประทับใจโบสถ์ที่สุดขอบคุณ ปิติว่ะเจ็บขาแทบเดี๊ยงแต่ก็ยังพาไป
"กูซึ้งว่ะ"



ขอตอบแทนความซึ้งด้วยรูปมึงแบบใหญ่พิเศษ ... ที่กูภูมิใจนำเสนอมาก ๆ ... "สุดยอดไกด์"



No comments:

Post a Comment