(ความซวยบังเกิด blog ที่เขียนเอาไว้หายไป : เฉพาะวันนี้ด้วย ต้องกลับมานั่งนึก นั่งมโนเอง ว่า วันนี้ไปทำอะไรบ้าง เดี๋ยวค่อยๆ ปะติดปะต่อไปเรื่อยๆแล้วกัน ... )
ตะลุยเดินเที่ยว กันเถอะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .... (รูปเกริ่นๆ) |
อ่า ... เมื่อคืนนอนดึก แล้วเช้านี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า ออกเดินทางจากโรงแรมมุ่งหน้าไป วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera Temple) ออกจากโรงแรม ตั้งแต่เช้าตรู่เลย มุ่งหน้าไปที่ สถานีรอไฟ Shin-Osaka ต่อ รถไฟชินคันเซ็น ออกซิ่งไปที่ เกียวโตโล้ด ระหว่างยืนรอรถไฟ ครีมกับผมก็แวะซื้อข้าวกล่องขึ้นมาหม่ำเติมพลังกันก่อน
รถไฟอย่างโล่งเลย สงสัยเพราะว่าเช้าอยู่ ... สบ๊ายสบาย |
หน้าตาตอนเพิ่งตื่น ดูมีแรงเน่อะ |
มาถึงที่เกียวโตเรา 2 คนก็เดินทางมาต่อ ที่ สถานีรถไฟ Kiyomizu-Gojo อากาศวันนี้เย็นๆกำลังสบายเลยอ่ะ ออกจากสถานีเราก็เจอแม่น้ำส๊วยสวย แวะถ่ายรูปกันพักใหญ่เลย ระหว่างถ่ายรูปอยู่ ก็มีคุณลุงชาวญี่ปุ่นคนนึงมา พูดๆโบกไม้โบกมือ กึ่งๆบอกว่า "มามา คุณตาช่วยถ่ายรูปให้" ... เลยได้รูปคู่สวยๆ กลับมาหลายรูปเลย เอาหล่ะออกเดินไป วัดน้ำใสกันดีกว่า ...
ระหว่างทาง ก็มีวิวสวยๆ ให้แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ... เราสองคนสนุกสนานมากมายกับการถ่ายรูปริมทาง ระยะทางจากสถานีไปถึงวัดน้ำใส เดินทางไปประมาณ 1 km เดินชิวๆ สนุกๆ (ถึงจะแค่ 1km แต่ขึ้นเขานะครับ)
ในที่สุดเราก็มาถึงวัดน้ำใสแล้ว ว ว ว ว ว ว ... ที่วัดน้ำใสมีหลายชั้นมากเลย ต้องค่อยๆเดิน ก่อนมาที่นี่ผมก็ไม่ค่อยได้ทำการบ้าน ไม่ได้รู้เลยว่าต้องไปไหนบ้าง (รู้แต่จุดเด่นๆ ที่ต้องแวะถ่ายรูป) ที่วัดน้ำใส สวยมาก มีเด็กๆเดินมาทัศนศึกษาเยอะแยะเหมือนกัน ผมว่า ที่ญี่ปุ่นเค้ารักษาทุกอย่างไว้ได้อย่างดีเยี่ยมเลย สะอาดและสวย
ประวัติ
วัดคิโยมิซึเดระ ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นยุคเฮอัน ประมาณปี ค.ศ. 798 สิ่งก่อสร้างที่เราได้เห็นอยู่ทุกวันนี้ ล้วนสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1633 ตามคำสั่งของ โตกุกาว่า เอมิซึ (Tokugawa Iemitsu) สิ่งก่อสร้างทั้งหมดไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง วัดนี้ตั้งชื่อตามน้ำตกในบริเวณวัด แปลตรงตัวจากคำว่า คิโยมิซึ แปลว่า น้ำใส
ตรงห้องโถงกลางมีระเบียงขนาดใหญ่ที่รองรับด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่เช่นกัน จากระเบียงที่ยื่นออกมาจากหุบเขาทำให้สามารถมองเห็นวิวของเมืองได้อย่างสวยงาม การสร้างระเบียงขนาดใหญ่นี้เป็นรูปแบบการสร้างที่นิยมในช่วงยุค เอโดะ เพื่อรองรับกับนักเดินทางที่หลั่งไหลเข้ามา
สมัยเอโดะมีวลียอดฮิตของญี่ปุ่น “โดดระเบียงที่คิโยมิซึ” (to jump off the stage at Kiyomizu) ซึ่งเทียบเท่ากับสำนวนอังกฤษว่า “การตัดสินใจกระทันหัน” (to take the plunge) วลีนี้อ้างอิงมาจากการกระทำจริงในสมัขเอโดะ ถ้าใครโดดจากระเบียงสูง 13 เมตรที่วัดคิโยมิซึ แล้วรอดมาได้ ความปารถนาจะเป็นจริง จากสถิติที่เคยบันทึกไว้ 234 ครั้งในยุคเอโดะ พบว่า 85.4% รอดชีวิตจากการโดดครั้งนี้ แต่ในปัจจุบันนี้ ห้ามทดลองโดดอีกแล้ว
ใต้ห้องโถงของ วัดคิโยมิซึเดระ มีน้ำตกสามสายไหลลงมาที่สระน้ำ น้ำในสระที่ว่าก็คือ น้ำใส ที่เชื่อกันว่า ดื่มไปแล้วจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปารถนาไว้
ในบริเวณวัดยังประกอบไปด้วยศาลเจ้าต่างๆมากมายเช่น ศาลเจ้าจินชู (Jinshu Shrine) ที่สร้างไว้สำหรับบูชาเทพเจ้าแห่งคู่และความรัก ในศาลเจ้านี้จะมีหินแห่งความรักคู่หนึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 6 เมตร 20 ฟุต ถ้าคนไม่มีคู่ สามารถหลับตาเดินจากหินก้อนหนึ่ง ไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้ ก็จะเจอคู่แท้ คู่รักบางคู่ก็มาด้วยกันแล้วก็มีการบอกทางกันระหว่างที่อีกคนปิดตาก็มี เพื่อความรักที่ราบรื่นมากขึ้น
และในปี 2007 วัดคิโยมิซึเดระ ก็ได้เข้ารอบ 21 สถานที่สุดท้ายที่ได้คัดเลือกเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (เครดิต : http://goo.gl/9RCZAN)
แวะถ่ายรูปวิวสวยๆ กันเพลิน เดินไปเรื่อยๆไม่มีเหนื่อยเลย วิวก็สวย ซากุระก็สวย แต่ ซากุระยังมีไม่มากเท่าไหร่ แถวๆนี้ยังไม่เต็มที่
แวะถ่ายรูปหน้าวัดน้ำใสสักหน่อย ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ศาลเจ้า |
ในที่สุด ครีมกับผมก็มาถึง จุดถ่ายรูป ดีมากเลยอ่ะ จุดนี้ ส๊วยสวย เดินถ่ายรูปจนเหนื่อยเลย ... แอบเสียดายตอนที่กลับมาถึงเมืองไทย เพิ่งรู้ว่าลืมไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ (น้ำสามสายศักดิ์สิทธิ์ ดื่มเพื่อเป็นศิริมงคล เสียด๊าย เสียดาย)
ระหว่างทางกลับได้มีโอกาสแวะที่ไหว้ศาลเจ้าจิชู (地主神社) ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพโอคุนินุ ฌิโนะ มิโกโตะ เทพเจ้าแห่งความรักที่คอยช่วยผูกดวงให้กับคู่รัก หนุ่มๆสาวๆจูงมือขึ้นไปเป็นคู่ๆขึ้นไป ด้านบน มีหิน 2 ก้อนเค้าว่ากันว่า ถ้าหลับตาเดินจากก้อนนึงไปแตะอีกก้อนนึงได้ จะสมหวังเรื่องความรัก (ยากกกกกกกก น่าดูเลยแหละ)
วิว มุม ยอด ฮิต ... ต้องจัดมาก่อนสักหนึ่งรูป |
เกร็ดความรู้ ***
วัดคิโยมิสุแห่งนี้มีความเชื่อและวิธีการเสี่ยงทายต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นมีวิธีเสี่ยงทายอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากค่ะ อ่านแล้วก็ตกใจว่าใครเป็นคนคิดกันนะ คิดไปด้ายยย!!! ความเชื่อนั้นมาจากสำนวนเก่าแก่นี้ค่ะ 「清水の舞台から飛ぶ降りる」 แปลได้ว่า “กระโดดลงมาจากฐานระเบียงวัดคิโยมิสุ!!” ความเชื่อนี้มีมาแต่สมัยเอโดะกล่าวกันว่า หากผู้ใดกระโดดลงไปจากฐานระเบียงวัดคิโยมิสุแล้วรอดชีวิต ความปรารถนาจะสมหวังค่ะ …… =__=;;; อื้อหืออ ถึงขนาดต้องเสี่ยงชีวิตเสี่ยงทายเลยทีเดียว…คุณผู้อ่านอาจคิดว่า “บ้าน่า! ใครมันจะไปทำกัน” แต่…มีคนทำจริงค่ะ! จากการสำรวจมีการบันทึกคดีชาวเอโดะที่มากระโดดที่นี่ถึง 234 รายค่ะ!!!
เครดิต : http://www.marumura.com/talkative/?id=4854
ครีมกล่าวว่า "ที่วัดน้ำใสครั้งแรกที่เห็น อึ้งเลย นี่หรือที่เราอยากมา ทำไมมันดูแห้งแล้ง ต่างจากที่คิดไว้เลย ซากุระยังไม่บาน"
กินติม ปากเป็นแบบนี้เลย ย ย ย ย อ่ะจ๊าก |
เราเดินผ่านศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha ไปก่อนเพื่อหาของกินกัน ผมเลือกร้าน Nezameya (祢ざめ家) ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า 450 ปี เดินออกมาจากศาลเจ้า (หันหลังให้ศาลเจ้า) ชิดขวาตามแนวร้านขายของที่ระลึก ตรงมาเรื่อยๆจะถึงสี่แยก แล้วก็จะเจอร้านเลยตรงหัวมุม หน้าร้านจะมีคุณลุงย่างปลาไหลกลิ่นหอมฟุ้ง เมนูเด็ดคือข้าวหน้าปลา ข้าวหน้าปลาไหลที่นี่เด็ดมาก ปลาไหลเนื้อข๊าวขาว ... อร่อยสุดยอด แต่ครีมดูไม่ปลื้มหนังปลาไหลเท่าไหร่ สงสัย "มันจะมันไป๊"
ครีม "หิวมาก จากที่ไม่เคยชอบกินปลาไหล แต่วันนี้เห็นแล้วน่ากินมากกกกก ต้องลองซะแล้วกินหมดชามเลย ย ย ย ย ย ย ..."
นี่คือข้าวหน้าปลาไหลที่สั่งมาก ก ก ก มัน หวาน อร่อยมาก ... ผมหล่ะช๊อบชอบ |
ประวัติ
ปี 965 ช่วงต้นสมัยเฮอัน จักรพรรดิ์มุราคามิ ได้บัญชาให้คนนำส่งสารนำส่งข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆให้กับเทพเจ้าของญี่ปุ่น ข้อความเหล่านี้เริ่มแรกมีอยู่ใน 16 ศาลเจ้าของญี่ปุ่น รวมทั้งที่ศาลเจ้าอินาริด้วย สัญลักษณ์ของผู้นำศาลที่อินาริก็คือสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งธัญพืช ในศาสนาชินโต
ต่อมาในปี 1589 โตโยมิ ฮิเดโยชิ (Toyomi Hideyoshi) ได้บริจาคประตูโทริอิ ขนาดใหญ่ วางไว้ที่ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
บริษัทต่างๆของญี่ปุ่นนิยมบริจาคโทริกันเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงทำให้มีประตูโทริอิมากมาย เรียงรายจนถึงยอดเขา
และตั้งแต่ปี 1871 – 1946 ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ได้ถูกกำหนดให้เป็นศาลเจ้าที่เป็นลับดับขั้นที่ 1 (First Rank) ในศาสนาชินโต และเป็นศาลเจ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เครดิต : http://goo.gl/5yvLBH
ครีม : "วัดเสาแดง เสาแดงเยอะแยะไปหมดเลย จะถ่ายรูปกับเสาไหนก่อนดีนะ ตั้งใจไว้ว่าจะถ่ายให้ครบทุกต้นเลย 55555"
ที่ศาลเจ้าเสาแดงมีแต่เสาแดงจริงๆ ... แดงไปหมดเลย ระหว่างทางเดิน ต้องบอกว่าช่วงแรกๆคนเยอะมาก เวลาจะถ่ายรูปต้องกะเวลาดีดี เอาที่คนไม่มี หรือไม่ก็เดินเข้าไปลึกๆหน่อย คนจะน้อยลงไปเรื่อยๆ ทำให้มีมุมถ่ายรูปได้เยอะแยะเลย
เดินไปเรื่อยๆ ยังมีโอกาสได้ เจอน้องสาวชาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนด้วยอ่ะ ครีมรีบวิ่งดุ๊กๆเข้าไปขอถ่ายรูปเลย น้องเค้าก็ใจดีให้ถ่ายด้วย ... เราเดินที่นี่กันพักใหญ่เลย เดินไปไกลอยู่เหมือนกัน แล้วก็เดินกลับกัน ไปที่เที่ยวที่ต่อไปกันเถอะ
พี่เดินมาไกลเหลือเกิน ...เพลียแล้วนะจ๊ะ |
กินเข้าไปเยอะๆ เลย อิอิอิ กิน กิน กิน |
ครีมปลาบปลื้มมาก ก ก ก ก ...
ครีม : "พี่กอล์ฟเห็นครีมกังวลเดินปัดขนที่เสื้ออยู่ตลอดเวลา เลยตามหาร้านไดโซะให้ พอได้ลูกกลิ้งแล้วตาวาวขึ้นมาทันที ขนจะหายวั๊บไปหมดแล้ว เย้ๆๆ ขอบคุณพี่กอล์ฟม๊ากกกกกก คิดจะกำจัดขนเรียกใช้บริการพี่กอล์ฟไม่ผิดหวังจิงๆ"
แวะถ่ายรูปกับ เกียวโต Tower หน่อย |
เอาหล่ะได้เวลาขึ้นรถไฟแล้ว จะกลับโอซาก้า แวะซื้อขนมที่สถานีรถไฟหน่อย จะได้รองท้องก่อนกลับไปหาอะไรหม่ำๆที่ โอซาก้า กลับมาถึงโอซาก้า ก็เดินเล่นกันที่ห้างกลางตัวเมือง ก่อนจะแวะซื้อยานิดนึง เพราะว่าครีมปวดหัว ต้องอาศัย Google Translate อีกแล้ว ววว ... อืม สรุปก็ได้ยามาแก้ปวดหัวให้ครีมได้ อย่างสวยงาม
ขนมอร่อยๆ หวานๆ ที่ซื้อมาหม่ำเล่นๆ ... จริงๆถ้าได้น้ำชาอุ่นๆจะเด็ดมาก |
ก่อนเข้าไปที่โรงแรม เราแวะทานข้าวแกงกระหรี่กัน (เดินกันไกลมากกกกกกก) ร้านนี้พูดอังกฤษไม่ได้เลย สั่งอะไรไปไม่รู้อ่ะ ... รู้แต่ครีมอยากกินที่มีหมูและไข่แต่สิ่งที่ได้มา คือข้าวราดน้ำแกงกะหรี่ สรุปสั่งไปสั่งมา ได้ แกงกระหรี่กับมันบดมาจานนึง อีกจานก็ไม่ค่อยอร่อยยยย อะรายก้านว่ะเนี๊ยะ ... กลับโรงแรมไปอาบน้ำออนเซ็นแล้ว นอนพัก ลุ้นว่าพรุ่งนี้จะไปไหนต่อดีกว่า
เย้ ...วันนี้สนุกชะมัด จะหลงอีกไหมนะ พรุ่งนี้
tag: Osaka, Kiyomizu-dera, Fushimi Inari Taisha, Kyoto, Japan, ญี่ปุ่น, โอซาก้า, เกียวโต, Trip
No comments:
Post a Comment